เชียงดาว : วิถีเนิบช้า กลางทุ่งนาออแกนิค ตอนที่ 2
เชียงดาว มีอะไรดี?
…ไลฟ์สไตล์ที่รักสุขภาพของเธอคนนี้ คุณกาละเเมร์-พัชรศรี เบญจมาศ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของนิตยสารชีวจิต มีอะไรน่าติดตามมากมาย วันนี้เป็นตอนต่อของการเดินทางสู่ทุ่งนาในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ (ตอนจบ) …จะสนุกอย่างไร ไปอ่านเรื่องนี้พร้อมกันค่ะ
…
ความเดิมตอนที่แล้วคือกาละแมร์ได้รับคำเชิญชวนจากสวนบัวชมพู อำเภอเชียงดาว ให้ไปเยี่ยมเยียนไร่นาออร์แกนิคที่ปลูกข้าวส่งมาให้กินจากโครงการผูกปิ่นโตข้าว การมาเชียงใหม่ครั้งนี้ทำให้ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและใช้ชีวิตอย่างเนิบช้าเป็นครั้งแรกในรอบไม่รู้กี่ปี แน่นอนว่าเรื่องราวในตอนจบ ที่จะเล่าวันนี้สนุกไม่แพ้กัน
ฟิตเฟิร์มได้ทุกที่ทุกเวลา
อย่างที่รู้กัน ขึ้นชื่อว่ากาละแมร์ ไม่มีทางให้การไปอยู่ต่างที่ต่างถิ่นเป็นอุปสรรค์ต่อการออกกำลังกาย เพิ่งเล่าไปตอนที่แล้วว่าแมร์ได้นอนเร็วมากเพราะไม่มีอะไรให้ทำ แต่ก็ทำให้ตื่นเช้ามากเหมือนกัน พอตื่นมาล้างหน้าล้างตา สวมรองเท้าทะมัดทะแมงเรียบร้อยก็ออกวิ่งสำรวจหมู่บ้านละแวกนั้นกันเลยทีเดียว
ตอนนั้นในใจรู้สึกมีความสุขนะ เพราะมีโอกาสได้มาวิ่งในบรรยากาศใหม่ๆ ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติ พอเข้าตัวหมู่บ้าน ใครเห็นแล้วจำได้ต่างก็ร้องทักทายกัน คนที่นี่น่ารักมากๆ พอได้วิ่งเช้าขนาดนี้เลยคิดว่า ถ้าได้ใส่บาตรพระด้วยคงดี ความคิดยังไม่ทันหายไป ก็เจอพระมาบิณฑบาตร
ในตอนนั้นรีบมองหาร้านขายของ เพราะไม่มีอะไรจะใส่บาตร จนสังเกตว่ามีร้านอยู่อีกทางหนึ่ง จึงตัดสินใจวิ่งไปซื้อทั้งๆ ที่พระท่านก็เดินไปอีกทางหนึ่ง เมื่อซื้อของเสร็จ เงินก็ยังไม่ได้จ่าย ขอติดเจ้าของร้านไว้ก่อน ภารกิจวิ่งตามพระก็เริ่มขึ้น สุดท้ายก็สามารถใส่บาตรพระในตอนเช้าได้สำเร็จ เรียกได้ว่าMission Complete สุขภาพกายเลิศ สุขภาพใจเยี่ยม เป็นพลังบวกที่ดีมากๆ เลย
นอกจากนั้น บรรยากาศในไร่คือสวรรค์ของคนที่ชอบออกกำลังกายแบบแอโรบิค เพราะมีอากาศบริสุทธิ์เหลือเฟือให้เราสูดเข้าออก เรียกความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้ดีเยี่ยม สำหรับแมร์ การเล่นโยคะกลางทุ่งนาก็แปลกใหม่ไปอีกแบบนะคะ ได้กำหนดลมหายใจ ให้ร่างกายดึงเอาออกซิเจนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นมลพิษ ให้ระคายปอดเลยล่ะค่ะ
และที่ไร่จะมีน้องหมาสีขาวอัธยาศัยดีอยู่หนึ่งตัว ชื่อว่าเจ้าเป็บซี่ เป็นมาสคอตรับแขกประจำสวนบัวชมพู พอแมร์มาเล่นโยคะกลางทุ่งก็มีเป็บซี่นี่แหละ อยู่เป็นเพื่อน และยืนให้แมร์ก้มลงจับเพื่อทรงตัวขณะทำท่าทางต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนต่างสปีชี่ส์ที่น่ารักสุดๆ
มิตรภาพต่างวัย
ความประทับใจอีกเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่อยู่เชียงดาว คือ เด็กๆ ในหมู่บ้านแถวๆ นั้น ที่คอยมาร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งปลูกป่า ดำนาอินทรีย์ บอกเลยว่า แก็งจิ๋วพวกนี้คือสีสันของทริปนี้จริงๆ
เริ่มจากการขึ้นท้ายรถกระบะไปที่นาที่เขาจัดไว้ให้เราดำ ระหว่างทางฝนตก ไหนจะกิ่งไม้ระหว่างทางที่ยื่นยาว แทบระศีรษะ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ทั่วๆ ไปคงคิดว่าลำบากหรือโชคไม่ดีเลย ที่ต้องเจอฝน แต่เด็กๆ ที่ยืนไปด้วยกันกลับเริงร่า สนุกสนานตามประสา ใครหลบกิ่งไม้ไม่พ้นก็พากันหัวเราะชอบใจ ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ช่วงวัยเด็ก เป็นเวลาที่เรามองโลกในแง่ดีมากๆ และสามารถตักตวงความสนุกได้กับทุกเรื่องจริงๆ
อย่างตอนดำนาเสร็จ ขาเราก็เปื้อนโคลน เลยพากันไปล้างเท้าที่ริมห้วย แมร์ยืนล้างอยู่ก็มีเด็กน้อยคน หนึ่งมาช่วยล้างให้ ระหว่างเดินกลับทั้งๆ ที่เท้าเปล่า แล้วโดนเศษหิน เศษไม้ตำ เลยหันไปบอกกับเพื่อน ก็มีน้องคนหนึ่งเสนอตัวช่วยขึ้นมา “พี่เอาร้องเท้าหนูไหมคะ” โอ้ย รู้สึกตื้นตันใจมาก ที่น้องๆ ดีกับเราขนาดนี้ น้ำใจทำให้เดินต่อได้แบบไม่เจ็บ
พอขากลับ ผ่านร้านสะดวกซื้อ แมร์เลยเลี้ยงขนมน้องๆ แต่พอซื้อกันมาก็ไม่มีใครแกะกิน ไอ้เราก็สงสัย เลยถามกลับไปว่า “ทำไมไม่แกะกินกันล่ะ” เด็กๆ ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนมารู้ทีหลังว่า อ้อ พวกเขาจะเก็บขนมเหล่านั้นไปให้คนที่บ้านดู ว่านี่นะ พี่แมร์ซื้อให้
และสิ่งเหล่านี้ทำให้เราซาบซึ้งถึงน้ำใจและความใสซื่อของเด็กที่นี่ ถึงกลับมากรุงเทพฯแล้ว ก็ยังอดยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงแก็งจิ๋วจอมแสบทั้งหลายที่นั่น นี่คือข้อพิสูจน์คำพูดที่ว่า บางคน บางความทรงจำ อาจผ่านเข้ามาในชีวิตเราแค่ช่วงสั้นๆ แต่สามารถอยู่ในความทรงจำของเราได้นานมากๆ คงเพราะช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันมีแต่เรื่องดีๆ ชีวิตคนเราก็เป็นอย่างนี้เองสินะ
นี่คือประสบการณ์ดีๆ ของแมร์ครั้นเยือนอู่ข้าวอินทรีย์ที่สวนบัวชมพู …แล้วเจอกันใหม่นะคะ
เขียนโดย พัชรศรี เบญจมาศ เรียบเรียงโดย สุนิสา สมคิด จากคอลัมน์ Brand Ambassador Says นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 432