ป้องกันไทรอยด์ มะเร็ง และไมเกรน
ถ้าเราทุกคนเชื่อตรงกันว่า หลายโรคและอาการผิดปกติปัจจุบันเกิดจากอาหารการกิน และความเรื้อรังของโรคเหล่านั้น ที่ทำให้หลายคนต้องทรมาทรกรรมกับอาการไม่สบายกายต่างๆ นั้น มาจากการติดรสชาติและความคุ้นเคยของอาหารที่เรากิน…นั่นแปลว่า บทความที่กำลังจะเขียนต่อไปนี้มีประโยชน์จริงๆ ค่ะ
เริ่มจากที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่า ไทรอยด์ของเราขยายขนาดอยู่หลายปี ทำอย่างไรก็ไม่หาย ว่ากันว่า ความผิดปกติใดของไทรอยด์มีสาเหตุหนึ่งมาจากความเครียด และส่วนหนึ่งของความเครียด ก็มาจากอาหารการกินที่ทำให้ร่างกายเป็นกรด
โดยอาหารเหล่านั้นได้แก่ ข้าวขาว แป้งขาว น้ำตาลขาว เนื้อสัตว์ใหญ่ที่มีอะมิโนแอซิดมากเกินความต้องการของร่างกายเรากว่าครึ่ง น้ำอัดลม น้ำหวาน
ฉะนั้น เมื่อเราป่วยเป็นมะเร็งต่อน้ำเหลือง แล้วรักษาด้วยวิธีการแบบชีวจิตเข้มข้น ปรับเปลี่ยนอาหารการกินแบบหน้ามือเป็นหลังมือ หยุดขนมหวานที่เคยเป็นของโปรดแบบไม่แคร์ความเคยชินใด นอกจากไม่เลือกนำมาเข้าปากแล้ว ยังไม่ยอมปรุงก๋วยเตี๋ยวและอาหารอื่นๆ ด้วยน้ำตาลอีกด้วย
แน่นอน ประกอบกับการจัดการข้างในจิตใจ จนทุกเรื่องราวเป็นระเบียบเรียบร้อย กวาดขยะและอารมณ์ที่ไม่จำเป็นออกจากจิตใจเนืองๆ เราจึงสามารถหายจากโรคมะเร็ง และก้อนไทรอยด์ที่โตอยู่ก็ยุบลงมาเป็นปกติ
ปัจจุบัน หากเราลองกินขนมดูบ้าง (ก็หายป่วย จนเป็นปกติแล้วนี่ไง) ร่างกายเราจะสร้างเครื่องวัดส่วนเกินของความหวานโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นคือ อาการปวดหัวไมเกรน ทดลองหลายหนแล้วค่ะ พบว่าถ้าช่วงไหนกินของหวานถี่ (2-3 วันติดกัน แม้จะเป็นวันละนิดก็ตาม) ก็จะเกิดอาการตึงบนใบหน้า โดยเฉพาะดวงตา ถ้ารีบดื่มน้ำเยอะๆ ก็จะหยุดอาการ ก่อนการลุกลามจนรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงอยู่ในหัวได้ แต่นั่นหมายความว่า ต้องเลิกของหวานและข้าวขาวโดยพลัน
คลิกเพื่ออ่านหน้าถัดไป
ส่วนวิธีการทำให้ตนเองไม่ติดรสชาติอาหารคือ
- เชื่อว่ารสชาติที่เราติดใจและบริโภคอยู่เสมอจะก่อโทษต่อร่างกาย โดยให้จินตนาการถึงวันที่เราทรมานเพราะอาการดังกล่าว เช่น ปวดหัวไมเกรน…จำได้ไหม มันเจ็บปวดขนาดไหน มันลิดรอนพลังในการทำสิ่งต่างๆ ของเราไปมากแค่ไหน
- หยุดการกินอาหารเครื่องดื่มที่มีรสชาติดังกล่าวแบบหักดิบ คือไม่กินเลย และทำอย่างต่อเนื่อง สัก 21 วัน (ตามทฤษฎีของการโปรแกรมการทำงานของสมอง…โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการติดรสชาติอาหาร) บางราย เช่นเรา ใช้เวลาแค่ 14 วันก็สามารถหยุดความอยากรสชาติเดิมๆ และหันมาอร่อยกับรสชาติที่ไม่ผ่านการปรุงอะไรได้แล้ว แต่บางรายอาจต้องใช้เวลาถึง 99 วัน
- ขยันสร้างเป้าหมายและความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต เพื่อให้เราจดจ่ออยู่กับการคิดและวางแผนเรื่องราวความสนุกนั้นๆ โดยเป้าหมายและความท้าทายนั้นควรยากสักนิสสส และเป็นอะไรระยะยาวสักหน่อย เพื่อเราจะได้ไม่มีเวลามาโหยหาแต่เรื่องกิน อาหารการกิน กิน และกิน (บรรยายให้เห็นความวกวนเวลาที่เราจดจ่ออยู่กับการกิน…อิอิ)
- หมั่นหาความรู้เรื่องประโยชน์ของอาหารที่ถูกต้อง เพื่อเวลาที่เราจะบริโภคอะไร จะได้สามารถมองผ่านแพ็คเก็จ รสชาติ และเห็นสารอาหารที่จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเซลล์ในร่างกายเรา เช่น เห็นน้ำมะพร้าว ก็จะนึกถึงเอสโตรเจน และน้ำตาลมหาศาล