โรคกรดไหลย้อน มีวิธีแก้ ทำง่าย ได้ผลจริง
โรคกรดไหลย้อน หรือ เกิร์ด (GERD-Gastro-esophageal Reflux Disease) ความจริงแล้วไม่ใช่โรคใหม่ เมื่อราว 70 - 80 ปีมาแล้ว ต่างประเทศเรียกโรคนี้ว่าฮาร์ตเบิร์น (Heartburn) แปลว่าอาการแสบร้อนในช่องอก
คนที่เป็นโรคนี้มักมี อาการแสบร้อนจุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ ท้องอืด ท้องเฟ้อ คล้ายอาหารไม่ย่อย บางคนเรอมีกลิ่นเปรี้ยว เนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาถึงปากและคอทำให้กลิ่นลมหายใจไม่สะอาด
โรคกรดไหลย้อน ยังส่งผลเสียต่ออวัยวะช่วงลำคอ ทำให้มีอาการไอ ระคายคอ เสียงแหบและกระตุ้นโรคหืดให้กำเริบหนัก ซึ่งโรคนี้มักมีอาการเรื้อรัง สร้างความรำคาญใจให้แก่ผู้ป่วยบางท่านมีคำถามว่า อาการนี้สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงอื่นได้หรือไม่ คำตอบคือ ถ้าปล่อยให้มีอาการเรื้อรังเป็นเวลานาน กรดในกระเพาะอาหารที่ล้นออกมาจะทำลายเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารและอาจเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้
เมื่อทราบเช่นนี้จะเกิดความกังวลอีก ซึ่งก่อให้เกิดความเครียด ผู้ป่วยจึงตกอยู่ในวงจรของโรคโดยไม่สามารถควบคุมอาการได้
เพราะอะไร กรดจึงไหลย้อน
กลไกการเกิดโรคกรดไหลย้อน คือ หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างทำงานผิดปกติ เกิดการคลายตัวในเวลาที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะตอนกลืนอาหาร หูรูดหลอดอาหารจะคลายตัวเพื่อให้อาหารไหลลงไปยังกระเพาะอาหาร เมื่ออาหารไหลลงไปแล้ว หูรูดหลอดอาหารหดตัวปิด อาหารหรือกรดในกระเพาะอาหารจึงไม่ไหลย้อนกลับขึ้นด้านบน
แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่ทำให้หูรูดหลอดอาหารไม่ทำงาน พบเพียงว่ากระเพาะอาหารบีบตัวมากเกินไปจึงทำให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัว
รองศาสตราจารย์ ดร.ลอว์เรนซ์ โคเฮน (Dr. Lawrence Cohen) ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหารแห่งมหาวิทยาลัยโทรอนโตประเทศแคนาดา เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในสื่อออนไลน์ เดอะสตาร์ดอทคอม ว่า
“ผมกล้าพูดได้ว่าสาเหตุหลักของการเกิด โรคกรดไหลย้อน เกิดจากพฤติกรรมที่เราทำอยู่เป็นประจำ เช่น พฤติกรรมการกินที่ผิดเพี้ยน กินอาหารไม่ถูกต้อง น้ำหนักมาก และการสูบบุหรี่จัดเหล่านี้ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้”