เช็กสาเหตุทำ ตับ ป่วย ด้วยแพทย์แผนจีน
คนยุคนี้ป่วยเป็นโรคตับกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไขมันพอกตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับ หมอเลยอยากเล่าเรื่องการทำงานของ ตับ และปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ตับป่วยให้ฟัง
4 สาเหตุทำตับพัง
ในทางการแพทย์แผนจีน ตับเป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณชายโครงด้านขวาใต้กะบังลม มีหน้าที่ในการระบายชี่ตับในร่างกายไม่ให้มีการติดขัด รวมไปถึงการกักเก็บเลือดในร่างกาย ซึ่งหากพูดถึงไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ที่ส่งผลเสียต่อตับมากที่สุด หมอขอสรุปเป็นข้อๆ คือ
1. การกินอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้มีภาวะโภชนาการเกินน้ำหนักตัวมาก มีไขมันสะสมอยู่ในช่องท้องปริมาณมาก ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับ และคนไข้ไม่มีทางรู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ เพราะไม่มีอาการแสดงให้เห็น
การกินอาหารเกินความต้องการจนมีไขมันสะสมในร่างกายนี้ ส่งผลให้เกิดภาวะร้อนชื้น ความชื้นที่สะสมในร่างกายของคนเราจะแบ่งเป็นภาวะเย็นชื้นและภาวะร้อนชื้น
โดยภาวะร้อนชื้นทำให้เกิดพิษในร่างกาย ทำให้เสมหะข้น จับตัวเป็นก้อนร่วมกับมีภาวะเลือดคั่ง ซึ่งเลือดจะไปอุดตันอยู่ภายใน หลังจากนั้นจะจับตัวกันเป็นก้อน ทำให้ไม่สามารถระบายของเสียออก
จากตับได้ ตับจึงทำงานผิดปกติ และยังส่งผลให้ม้ามไม่สามารถผลิตหรือขนส่งสารจำเป็นไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รวมถึงอาจทำให้มีภาวะไตพร่องด้วย จึงอาจทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับตามมาได้ในที่สุด
2. ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คือ เป็นคนอารมณ์แปรปรวน โมโห โกรธง่ายคิดมาก เครียด ขี้กังวล เก็บกด อารมณ์เหล่านี้จะไปทำลายตับโดยตรง เพราะทำให้การกระจายและระบายของชี่ตับผิดปกติ เมื่อชี่ขับเคลื่อนไม่คล่อง จึงทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งและส่งผลเสียต่อตับโดยตรง
3. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดความเป็นพิษในตับและนำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับได้ด้วย
4. ไม่ออกกำลังกาย เคลื่อนไหวน้อยจะส่งผลในเชิงกายภาพคือ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ตับก็ทำงานได้น้อยลงเช็กอาการตับป่วย
สำหรับวิธีเช็กว่าตับตัวเองทำงานผิดปกติหรือไม่นั้น ในทางการแพทย์แผนจีนมีวิธีสังเกตโรคตับคือ คนไข้มักรู้สึกว่า หายใจไม่สุด ชอบถอนหายใจเจ็บร้าวสีข้างหรือชายโครง รู้สึกปวดร้าวบริเวณท้องเหนือสะดือด้านขวา ลิ้นเป็นสีแดงคล้ำ และอาจมีจุดเลือดคั่งร่วมด้วย ลิ้นมีฝ้าเป็นสีเหลือง มีลักษณะเหนียวปากขม เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ตาเหลือง ตัวเหลือง ซึ่งแสดงว่ามีอาการมากแล้ว
ส่วน วิธีการดูแลและรักษาโรคตับในทางแพทย์แผนจีน นั้นขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้ ถ้าเป็นช่วงระยะเริ่มต้นยังสามารถใช้ยาจีนรักษาได้อยู่ แต่หากเป็นในระยะท้ายๆ ก็จะไม่สามารถใช้ยาจีนได้ เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่กำจัดของเสียรวมถึงยาทุกชนิดด้วย ดังนั้นการให้ยาไม่ว่าชนิดใดก็ตามจะยิ่งทำให้ตับทำงานหนักมากขึ้น โดยต้องวินิจฉัยเป็นรายๆ ไป
ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติ อย่างไรต้องเข้ารับการวินิจฉัยโดยแพทย์แผนปัจจุบัน หรือแพทย์แผนจีนเพื่อให้ทราบระยะของโรคและรับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรซื้อยามากินเองอย่างเด็ดขาด
ส่วนผู้ที่ต้องการ บำรุงตับให้แข็งแรง หมอมีการนวดซึ่งทำได้ง่ายๆ คือ ใช้มือถูสีข้างบริเวณเอวลงมาถึงสะโพกทั้งสองข้าง โดยเน้นข้างขวา ถูครั้งละ 5 – 15 นาที
นอกจากนี้ควรจะงดพฤติกรรมเสี่ยงโรคตับทั้งหลายดังที่กล่าวมา โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ ไม่ควรเครียด หาวิธีผ่อนคลาย เช่น ศึกษาธรรมะปฏิบัติธรรม
จาก คอลัมน์หมอจีนประจำบ้าน นิตยสารชีวจิต ฉบับ 453
บทความน่าสนใจอื่นๆ
เคล็ด(ไม่)ลับ ช่วย ยืดอายุ ตับ ไต หัวใจ สมอง ตา (ของแท้ ต้องที่นี่เท่านั้น)
ด่วน!! พบอกไก่ – ตับไก่ มีสารตกค้างยาปฏิชีวนะ เสี่ยงดื้อยา