กําจัดของมันๆ
คุณต้นรู้ว่าไขมันให้พลังงานสูงพอสมควร แน่นอนว่าอาจทําให้น้ําหนักตัวขึ้นง่าย ซึ่งตามแนวทางเวชปฏิบัติสําหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2554 โดยสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯก็แนะนําว่า ไม่ควรกินไขมันเกินร้อยละ 30 – 35 ของ
พลังงานรวมแต่ละวัน
“ลดกินของทอดและของมัน เน้นกินและทําอาหารประเภทนึ่ง ต้ม ตุ๋น ลวก เป็นต้น แต่หากต้องใช้น้ํามัน เช่น ทอดผัด มักตวงใช้ไม่เกิน 1-2 ช้อนกินข้าว การตวงช่วยให้เรารู้ตัวขณะทําอาหาร ไม่เผลอใส่น้ํามันเยอะเกินไป
“จําพวกเนื้อสัตว์เน้นกินปลา เพราะหาง่าย มีไขมันตัวร้ายต่ำ และมีไขมันชนิดดีด้วย โดยนํามาทําอาหารประเภทไม่ใช้น้ํามัน จากเดิมกินปลาทอดก็เปลี่ยนเป็นปลานึ่ง”
ตรงกับที่อาจารย์สาทิสย้ำว่า เมื่อของทอด ของมันเข้าสู่ร่างกายมักจะย่อยไม่หมด กลายเป็นไขมันเกาะอยู่ที่ตับและ ทําลายตับจนทําให้น้ําหนักขึ้นผิดปกติ ก่อนลงเอยด้วยโรคเบาหวาน
ปัจจุบันคุณต้นตรวจระดับน้ําตาลในเลือดที่โรงพยาบาลเป็นประจํา ซึ่งค่าคงที่ประมาณ 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน ตัวอย่างจากการปฏิบัติยังช่วยให้คนในครอบครัวเอาใจใส่สุขภาพของตนเองด้วย รวมถึงลูกสาว เมื่อปรับการนอน พักผ่อน ออกกําลังกาย และทํางานให้สมดุลด้วยแล้ว โรคเบาหวานที่ว่าร้ายไหนเลยจะกล้ากล้ำกราย
Ask Guru Satis
อาหารชีวจิตสูตร 2 พิชิตเบาหวานอาจารย์สาทิส อินทรกําแหง แนะว่า อาหารชีวจิตสูตร 2 เหมาะสําหรับคนที่อยากควบคุมน้ําหนัก ซึ่งช่วยป้องกันโรคเบาหวานด้วย รวมถึงคนที่เป็นโรคเบาหวานอยู่ก็สามารถกินได้ สัดส่วนมีดังนี้
- อาหารจําพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ประมาณมื้อละ 30
เปอร์เซ็นต์ - ผักสดหรือผักสุก ประมาณมื้อละ 35 เปอร์เซ็นต์
- โปรตีนจากพืชจําพวกถั่วต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดํา ถั่วเขียว ถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ประมาณมื้อละ 25 เปอร์เซ็นต์
- เบ็ดเตล็ด เช่น สาหร่ายทะเล ธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ผลไม้รสไม่หวาน เช่น มะละกอ มะม่วงดิบ ซุป เช่น ซุปมิโซะ ซุปฟักทอง ประมาณมื้อละ 10 เปอร์เซ็นต์
ประสบการณ์สุขภาพเบาหวาน ใครๆก็ทำสำเร็จได้ถ้ารู้จักชนะใจตัวเอง
ที่มา: คอลัมน์ประสบการณ์สุขภาพ , พรรณรวีชัยอิ่นคํา