ขั้นที่ 3 ใช้ให้ปลอดภัย
คุณหมอวีรพลแนะนำวิธีใช้โดยให้หยดใส่กระดาษทิชชูหรือสำลีประมาณ 3 - 5 หยด วางไว้ข้างเตียง ซึ่งดีกว่าการเผาด้วยเตาพาราฟินหรือเตาไฟฟ้า เพราะน้ำมันหอมระเหยเป็นสารอินทรีย์ เมื่อถูกเผาไหม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและอาจกลายเป็นมลพิษได้
นอกจากนี้ การใช้เตาพาราฟินจะทำให้เกิดควันจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ทั้งสารระเหยจากพาราฟิน เมื่อสูดดมเข้าไปอาจไปสะสมในปอด เกิดเป็นพังผืดได้
คุณหมอวีรพลอธิบายต่อว่า
“ปกติแล้วน้ำมันหอมระเหยจะระเหยได้ดีที่อุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียสขึ้นไป บ้านเราเป็นเมืองร้อนอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องตั้งเตาแต่อย่างใด
“ถ้าต้องการให้กลิ่นฟุ้งกระจายเร็วขึ้น อาจหยดน้ำมันหอมระเหยที่เครื่องเพิ่มความชื้นในห้อง (Humidifier) หรือหยดใส่สำลี ใส่ลงในถุงผ้า แล้วแขวนไว้กับตะแกรงพัดลมก็ได้
“ส่วนวิธีฉีดพ่นตามที่นอนหรือภายในห้องก็ไม่แนะนำ เพราะนานวันเข้าอาจทำให้เกิดกลิ่นหมักหมมได้”
คุณหมอวีรพลยังแนะนำให้ดื่มชาสมุนไพรที่ช่วยการนอนหลับ (Sleeping Tea) ร่วมด้วย เช่น ชาคาโมมายล์ (Camomile Tea) ชาวาเลอเรียน (Valerian Tea) หรือชาดอกเสาวรส (Passion Flower) โดยดื่มก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบาย
สุดท้าย คุณหมอวีรพลอธิบายเสริมอีกว่า อโรมาเทอราปีเป็นเพียงตัวช่วยทำให้หลับได้ดียิ่งขึ้น แต่ไม่ได้เป็นยารักษาการใช้อโรมาเทอราปีจะได้ผลดีเพียงใดขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล ดังนั้นควรหาสาเหตุของความเครียดและลงมือแก้ไขปัญหานอนไม่หลับก็จะหมดไปอย่างแท้จริง
ข้อควรระวัง ในการใช้น้ำมันหอมระเหย
คุณหมอวีรพลแนะว่า
1. น้ำมันหอมระเหยบางชนิด ถ้าใช้ในปริมาณน้อยจะมีฤทธิ์ช่วยให้ผ่อนคลาย แต่ถ้าใช้มากเกินไปอาจทำให้ตื่นตัวและนอนไม่หลับมากยิ่งขึ้น เช่น น้ำมันโหระพา (Basil Oil) น้ำมันไม้จันทน์ (Sandalwood Oil) น้ำมันสกัดจากรากแฝกหอม (Vetiver Grass Oil) และน้ำมันดอกกระดังงา (Ylang-Ylang)
ดังนั้นจึงควรใช้ในปริมาณพอเหมาะให้กลิ่นจางๆ ฟุ้งกระจายไปในอากาศจะดีกว่าการใช้กลิ่นแรงที่กระตุ้นให้ตื่นตัว
2. ไม่แนะนำให้กินน้ำมันหอมระเหยหรือผสมในอาหารโดยตรง นอกจากจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
น้ำมันหอมระเหยออร์แกนิก
- “Bio Organic” La Boutique Ellsie Boutique Mall สุขุมวิท 33/1 กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 08-1868-2577 อีเมล alex@alexross.fr
- Aroflora @ Beauty Essentials ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ชิดลม ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10130 เว็บไซต์ www.central.co.th