กัญชา ยาเสพติด หรือ ยาสมุนไพร : การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แผนไทย
กัญชา เป็นประเด็นถกเถียงกันในวงกว้าง ทั้งโลกออฟไลน์เเละออนไลน์ มีประโยชน์ หรือโทษ(สารเสพติด) ในเเง่การรักษาสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ ควรปลดล็อคกฎหมายหรือเปล่า ?
เพราะประเทศไทยจัดกัญชา เป็นสารเสพติดประเภทที่5 ออกฤทธิ์แบบผสมผสาน กดประสาท กระตุ้น หรือหลอนประสาท จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างกว้างขวาง แม้กระทั้งการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
แต่ในทางตรงกันข้าม อีกฝั่งของโลก มีจำนวนมากกว่า 16 ประเทศมีการอนุญาติให้ใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีจำนวนรัฐมากกว่าครึ่งที่อนุญาติ และเห็นว่ากัญชานั้นสามารถช่วยรักษาโรคให้หายเจ็บป่วยได้
เพราะมีงานวิจัยมากมายที่ระบุว่า กัญชาสามารถใช้เป็นยารักษาโรคที่ได้ผลดี เช่น รักษาอาการปวดเรื้อรังในผู้ใหญ่ รักษาอาการบางอย่างของโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) หรือโรคเอ็มเอส รักษาอาการนอนไม่หลับ และลดผลข้างเคียงจากการรักษาโดยใช้เคมีบำบัด เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานวิจัยพบว่า กัญชายังสามารถรักษาโรคชัก ต้อหิน เอชไอวี/เอดส์ ลดอาการวิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคความจำเสื่อม โรคลำไส้เคลื่อนไหวผิดปกติ โรคพากินสัน และโรคจิตเภท เป็นต้น

กัญชา ตำรับยาไทย
หลายอาการ และโรคมีงานวิจัยที่มีความสอดคล้องกับการใช้กัญชาในตำรับยาแพทย์แผนไทย ระบุไว้ใน คัมภีร์แพทยศาสตร์สงเคราะห์ว่า กัญชา มีรสเมาเบื่อ สรรพคุณแก้ไข้ ผอมเหลือง ไม่มีแรง ตัวสั่น เสียงสั่น โรคที่เกี่ยวข้องกับธาตุลมกำเริบ และแก้อาการนอนไม่หลับ
กัญชาในตำรับยาแพทย์แผนไทย ไม่ใช้เป็นยาเดี่ยว ปริมาณน้อย แต่เป็นการใช้ร่วมกับสมุนไพรตัวอื่นๆในตำรับ อีกทั้งการปรุงยาทำด้วยแพทย์แผนไทยที่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก ฉะนั้นสามารถใช้ได้ทั้งต้น หรือเบญจกัญชา (ใบ ดอก ผล ราก ลำต้น) จนกลายเป็นหลากหลายตำรับ ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
- ช่วยให้กินอาหารได้มากขึ้น คือ ยาไฟอาวุธ ใช้แก้โรคตานทราง มีอาการผอมตัวเหลือง พุงโรก้นป่อง กินอาหารได้น้อย
- แก้โรคลม คือ ยาแก้โรคลมอุทธังคาวาตา ที่ทำให้ชัก ลิ้นกระด้างคางแข็ง หรือยาพรมภักตร์ แก้ลมตีนตาย มือตาย หรือในปัจจุบันเรียกว่า โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น โดยเฉพาะคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ เช่น คนไข้วัยทอง ภาวะซึมเศร้า
- รักษาอาการหอบหืด หรือโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ทำให้ทางเดินหายใจดีขึ้น โดยการสูบม้วนร่วมกับสมุนไพรตัวอื่นๆ เช่น ใบลำโพงกาสลัก
- ลดอาการปวด เช่น อาการปวดมวนท้อง ท้องผูกเป็นพรรดึก(โรคกษัย) เป็นก้อนขี้แพะ กินอาหารไม่ได้ หรือแม้กระทั้งอาการปวดประจำเดือน
- โรคมะเร็ง หรือโรคฝีมหากาฬ ฝีมะเร็งทรวงในทางการแพทย์แผนไทย

กัญชา กัญชง ?
อย่างไรก็ตามนอกจากกัญชา แล้วยังมีสมุนไพรที่มีชื่อคล้ายกันอีก 2 ชนิด คือ กัญชง และกัญชาเทศ แต่มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง เช่น กัญชงมีลักษณะทางพฤกษศาตร์คล้ายกันชา มีปริมาณสารออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน มักนิยมมาใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ปัจจุบันถูกจำกัดพื้นที่ในการปลูก
ส่วนกัญชาเทศ เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่คล้ายๆกับกัญชา เช่น ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ใช้ทา กระหม่อมแก้โรคลม แก้ไข้มาลาเรีย ถึงแม้กัญชาจะถูกจำกัดในการนำมาใช้รักษาคนไข้ แต่ยังมีสมุนไพรที่สามารถใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงการรักษา เช่น
- สมุนไพรรสขม เช่น บอะระเพ็ด มะระขี้นก สะเดา ลูกกระดอม กินช่วยให้เจริญอาหาร
- ใบขี้เหล็ก มีสารบาราคอล (Barakol) ใช้ใบอ่อนต้มน้ำให้ความขมออก กินเป็นอาหารช่วยให้นอนหลับ
- ดอกกาสะลอง และใบหนุมานประสานกาย มวนสูบรักษาอาการหอบหืด
- สมุนไพรรสร้อน เช่น ขิง ขมิ้นชัน กะเพรา กินช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น
- เถาวัลย์เปรียง เถาเอ็นอ่อน กินช่วยลดอาการปวดจากกล้ามเนื้ออักเสบ
- ตำรับยาประสะไพล กินช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
ปัจจุบันยังเป็นข้อถกเถียงกันในแง่ของกฎหมายของการใช้กัญชา เพราะถูกจัดเป็นยาเสพติด แต่ถ้าหากมีกฏหมายอนุญาติใช้ใช้ประโยชน์ในแง่ทางการแพทย์เหมือนประเทศอื่นๆ ก็สามารถพัฒนาเป็นยารักษาโรคได้ เช่น การจำกัดขอบเขตในการปลูกเหมือนกัญชง หรือหมอ 1 คน สามารถปลูกได้ 1 ต้น เพื่อใช้ปรุงยาให้กับคนไข้ หรือการวิจัยพัฒนายาที่ใช้รักษาโรคที่ยังไม่มียารักษาได้
อนาคตข้างหน้าเราจะได้มียาสมุนไพรดีๆรักษาผู้ป่วยนะครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
10 คำถาม ที่ต้องตอบให้ได้เมื่อปวดท้อง พร้อมเช็กอาการปวดตรงไหนเป็นโรคอะไร
คู่มือกินหนีโรคสำหรับคนนอนดึก นอนไม่หลับ นอนไม่เป็นเวลา
4 เรื่องดราม่า สมุนไพร นวดไทย เรียนรู้ และรับมืออย่างไร ให้ปลอดภัย
เขียนโดย
แพทย์แผนไทยประยุกต์ (พท.ป.) ชารีฟ หลีอรัญ หมอไทยรุ่นใหม่ที่จบการศึกษาสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ประจำนิตยสาร ชีวจิต ที่อาสานำความรู้การแพทย์ไทย สมุนไพร ร่วมกับการบูรณาการความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์การแพทย์เข้าด้วยกัน ให้กับผู้อ่านทุกท่าน