คุณนิตยา สังฆอนันต์ อายุ 59 ปี ดูแลสามีซึ่งป่วยเป็นมะเร็งลำไส้และมีปัญหาท้องผูก ด้วยการคั้นน้ำเอนไซม์แครอทและสับปะรดให้ดื่มเป็นประจำ เมื่อสามีรู้สึกสดชื่นและถ่ายง่ายขึ้นเธอจึงคั้นให้คนในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานดื่ม จนหลายคนติดใจ
คุณนิตยาแนะนำวิธีทำน้ำเอนไซม์ดังนี้ค่ะ
“ควรเลือกใช้ผักและผลไม้ตามฤดูกาล หรือหาง่ายในท้องถิ่นเนื่องจากปลอดภัยจากสารเคมีกว่าผักนอกฤดู และควรเลือกชนิดที่รสไม่หวานมาก เช่น แครอท เซเลอรี่ ใบบัวบก แตงโมสับปะรด แก้วมังกร ฯลฯ โดยให้ดื่มน้ำเอนไซม์จากผักสัปดาห์ละสองวัน
“จัดเตรียมวัตถุดิบให้พอเหมาะสำหรับทำดื่มในหนึ่งครั้งหลีกเลี่ยงการซื้อผักและผลไม้ไว้ในปริมาณมาก หรือหั่นเตรียมวัตถุดิบข้ามวัน เพราะจะทำให้สูญเสียเอนไซม์ วิตามิน และแร่ธาตุในผักและผลไม้
“จากนั้น ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด โดยเฉพาะหากต้องนำมาคั้นทั้งเปลือก อาจล้างผ่านน้ำสะอาดหนึ่งครั้ง จากนั้นแช่ลงในน้ำสะอาดผสมน้ำส้มสายชูในอัตราส่วน 1 กะละมังต่อน้ำส้มสายชู 2 – 3 ช้อนโต๊ะ แช่ไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างผ่านน้ำสะอาดอีกครั้ง
“หากมีเวลาดิฉันมักใช้วิธีคั้นด้วยมือ เพราะไม่ทำลายเอนไซม์วิตามิน และแร่ธาตุในผักและผลไม้มากนัก โดยหั่นวัตถุดิบให้มีขนาดพอประมาณ โขลกเบาๆ ในครก แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางเอาน้ำมาดื่ม แต่หากเร่งรีบจะคั้นด้วยเครื่องแยกกาก (Juicer) เพื่อความสะดวกรวดเร็ว

“เมื่อคั้นเสร็จแล้ว ควรดื่มน้ำเอนไซม์ทันที ในแบบที่ไม่ต้องปรุงรส เพื่อให้ได้ประโยชน์จากผักและผลไม้มากที่สุด ส่วนกากที่เหลือนำไปทำปุ๋ยได้
“หลังจากใช้เครื่องแยกกากเสร็จ ให้ ถอดส่วนประกอบออกมาล้าง โดยขัดเบาๆ ด้วยแปรงขนนิ่ม จะช่วยทำความสะอาดบริเวณซอกมุมได้สะอาด จากนั้นนำไปตากแดดฆ่าเชื้อโรค ส่วนตัวเครื่อง ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดก็พอค่ะ”
ดื่มน้ำเอนไซม์เป็นประจำ ช่วยบำรุงสุขภาพจากภายในได้มากกว่าที่คิด