ธนาคารต้นไม้ ทางเลือกการออมของผู้สูงอายุ
ธนาคารต้นไม้ คืออะไร สามารถช่วยในการออมเงินในอนาคตได้หรือไม่ เพราะในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีคนแก่ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ!!
เป็นการคาดการณ์ที่ทำให้หน่วยงานต่างๆ เริ่มพูดถึง ‘สังคมสูงวัย’ กันมากขึ้นตามลำดับ เนื่องจากประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปของไทยกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้การตระหนักรู้เรื่องนี้จะเพิ่มขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเรายังคงมืดมนต่อทางออกว่าเราจะรับมืออย่างไร ?
ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมว่า เมื่อเวลานั้นมาถึงตัวเราเองก็อาจเป็นหนึ่งในผู้สูงวัยด้วย ซึ่งข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) คาดการณ์ว่า คนไทยมีอายุเฉลี่ยที่ 75.3 ปี และมีความเป็นไปได้ว่าคนไทยที่เกิดในปี 2559 จะมีอายุยืนเฉลี่ยถึง 80-98 ปี หรือเกือบ 100 ปี
เมื่อภาวะที่ต้องดูแลผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นมาก แต่กำลังแรงงานลดลง ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
เมื่อเราพูดถึง ‘สังคมสูงวัย’ จึงไม่ได้หมายถึงเรื่องของ ‘ผู้สูงอายุ’ เพียงเท่านั้น แต่หมายถึงภาพรวมของทั้งสังคมที่จะมีผู้สูงอายุจำนวนมาก เด็กเกิดน้อย และคนวัยทำงานกำลังลดน้อยถอยลงด้วยเช่นกัน
การเตรียมความพร้อมสำหรับสังคมสูงวัยจึงเกี่ยวพันกับคนทั้งหมด และเป็นเรื่องใหญ่โตกว่าการตอบคำถามเพียงว่าจะดูแลคนแก่กันอย่างไร
หากพิจารณาเฉพาะระดับปัจเจก เราจินตนาการชีวิตสูงวัยของตัวเองออกหรือไม่ หากเราเป็นหนึ่งในผู้มีอายุยืนยาว เรามีลูกหลานหรือไม่ หากมี เขาจะเลี้ยงดูเราไหม เรามีเงินเก็บอยู่เท่าไร เพียงพอสำหรับการอยู่โดยไม่ทำงานกี่ปี หากเจ็บป่วยยามชรา มีภาวะติดเตียงจะอยู่อย่างไร ฯลฯ
คำถามเหล่านี้ไม่ได้สร้างความหนักใจให้เพียงตัวเราเพียงลำพัง แต่มันเป็นคำถามมหาชน เพราะปัจจุบันแม้ประเทศไทยจะมีสวัสดิการ ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ 600-1,000 บาทต่อเดือน แต่ทุกคนรู้ดีว่ามันไม่เพียงพอสำหรับดำรงชีวิตทั้งหมด หากไม่มีจุดพึ่งพิงอื่น
นอกจากนี้เรายังพบว่า ในปัจจุบัน ผู้สูงอายุ ร้อยละ 34.3 มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน และมีคนไทยวัยทำงานเพียง 15 ล้านคนที่อยู่ในระบบการออมเพื่อเป็นหลักประกันยามเกษียณ
และหากพิจารณามูลค่าการออมก็พบว่า ผู้สูงอายุที่มีเงินออม 100,000-399,000 บาท มีเพียงร้อยละ 31 ของผู้ที่มีเงินออม เงินจำนวนนี้จะต้องใช้ตลอดอายุขัย ซึ่งไม่รู้ว่ายาวนานแค่ไหนเสียด้วย
“เราเคยคำนวณอายุขัยเฉลี่ยที่ 60 กันไหม ถ้าคำตอบตอนนี้คือ 35 แปลว่าคนคนหนึ่งจะอยู่ถึง 95 ปีโดยเฉลี่ย เราไม่มีข้อมูลนี้ได้อย่างไร ทั้งที่จำเป็นต้องคำนวณอย่างยิ่ง… การมองนโยบายสังคมสูงวัย จึงไม่ใช่การมองเป็นภาพนิ่งแล้วจบ แต่มันต้องมองอย่างมีพลวัตในภาพใหญ่”
เป็นส่วนหนึ่งของ ปาฐกถาพิเศษ “อนาคตประเทศไทยกับสังคมสูงวัย” โดย ศาสตราจารย์กิตติคุณ เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ และที่ปรึกษากรรมการสนับสนุนการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะรองรับสังคมสูงวัย ในงานสมัชชาเฉพาะประเด็นว่าด้วยนโยบายรองรับสังคมสูงวัย ครั้งที่ 1 พ.ศ.2562 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เวทีสมัชชาเฉพาะประเด็นดังกล่าวจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ สช. ซึ่งเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวกับการรวบรวมข้อเสนอและจัดทำนโยบายสาธารณะ ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งนี้ การรับมือกับสังคมสูงวัยเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ สช. ให้ความสำคัญ โดยมีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลผ่านการพูดคุยกับทุกภาคส่วนทั้งในระดับจังหวัด ภูมิภาค รวมทั้งผ่านกระบวนการลูกขุนพลเมือง
ท่ามกลางประเด็นที่ต้องรับมือมากมายหลายด้าน “การออม” เป็นประเด็นหนึ่งที่มีการหารือและนำเสนอนโยบายที่น่าสนใจ
นอกจากข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานต่างๆ เช่นให้กองทุนการออมแห่งชาติขับเคลื่อนให้มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังมีนวัตกรรมที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้และกำลังจะได้รับการผลักดันให้ไปได้ไกลขึ้นอีก นั่นคือ “ธนาคารต้นไม้”