โรคภูมิแพ้ ในคุณแม่ ตั้งครรภ์
ตัวอย่างคนไข้ ตั้งครรภ์ ท่านหนึ่ง คุณน้อย เป็นทั้งโรคหืดและแพ้อากาศ อาการค่อนข้างมาก ยังหยุดยาไม่ได้ ยังต้องพ่นยา กินยาอยู่ เพราะเธอแพ้ไรฝุ่น แต่ที่ทำงานติดแอร์ ปูพรม ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไรฝุ่นได้
วันหนึ่งคุณน้อย คนไข้ที่ไม่เคยผิดนัดก็หายไป หายไปได้สองเดือนก็กลับมา โรคไม่ได้หายหรอกนะคะ หนักกว่าเดิม เพราะเธอหยุดยาเองทุกอย่าง เนื่องจากตรวจพบว่าตั้งครรภ์ เลยไม่กล้าใช้ยา กลัวมีผลต่อลูก หยุดยาไปได้ไม่นานอาการก็กำเริบ เพราะยังต้องเจอไรฝุ่นอยู่ทุกวัน
หมอนิดเลยสอนว่า คราวหลังถ้าไม่รู้อะไรให้ถาม เรื่องบางเรื่องอย่าคิดเอง ยาบางอย่างอาจุมีผลร้ายแรงต่อเด็ก แต่ยาบางอย่างไม่มีผล ให้บอกหมอว่าท้อง หมอก็จะเปลี่ยนยาให้เหมาะสม โรคจะได้ไม่กำเริบ เพราะถ้าโรคกำเริบจะมีผลเสียต่อเด็ก ทั้งผลโดยตรงจากโรคและผลจากยาที่ต้องนำมาใช้ตอนโรคกำเริบหนัก
หลังจากนั้นคุณน้อยก็เป็นคุณน้อยตามเดิม ที่ไม่พลาดนัด ดูแลกันไปร่วมกับหมอสูติฯ จนคลอด แม่หนูน้อยที่ออกมาก็แข็งแรงสมบูรณ์ดีค่ะ
สิ่งที่พบอยู่เสมอในคนไข้ภูมิแพ้ไทย โดยเฉพาะคนไข้โรคหืดและแพ้อากาศ คือเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ คนไข้จะหยุดยาเอง งดใช้ยาทุกอย่างที่เคยใช้อยู่ เนื่องจากกลัวว่ายาจะส่งผลร้ายต่อเด็ก ซึ่งมองแง่หนึ่งก็ดูเหมือนจะดี ที่คุณแม่พยายามจะปกป้องลูกน้อยในครรภ์ให้ปลอดภัย
แต่ปัญหาที่ตามมาในผู้ป่วยหลายๆ ราย คือ โรคเก่ากำเริบขึ้น คุณแม่อาจนึกไม่ถึงว่าโรคที่กำเริบขึ้นนี้อาจส่งผลร้ายต่อทารกในครรภ์ได้เช่นกัน แถมทารกยังอาจได้รับผลร้ายจากยาที่จำเป็นต้องใช้รักษาคุณแม่ตอนอาการกำเริบ ซึ่งย่อมแรงกว่ายาที่ใช้เมื่ออาการสงบแน่นอน
พบว่าสิ่งที่เราขาดกันอย่างยิ่งคือ “ความรู้ ความเข้าใจ” คนไข้มักไม่ค่อยกล้าถามหมอ ยิ่งถ้าไปเจอคุณหมอไม่ช่างพูดเข้าด้วย จบกันเลย อย่างนี้คนไข้คงหยุดยาเองแน่นอน แต่ถ้าเราได้คุณกันสักหน่อย คนไข้แจ้งให้คุณหมอทราบว่า หนูท้องแล้วนะคะ ปรึกษากันว่าเราจะดูแลกันต่อไปอย่างไรดี เปลี่ยนยาให้อ่อนลง จนเหลือเท่าที่จำเป็น เลือกยาที่ปลอดภัยต่อทั้งแม่และลูกจะดีไหม และจะต้องหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง หากทำได้อย่างนี้ก็จะสบายกายสบายใจไปจนคลอด
ผลกระทบระหว่างการตั้งครรภ์กับโรคภูมิแพ้ที่มีการศึกษากันมากทำในโรคหืด มีสิ่งที่ควรทราบดังนี้
