อร่อยสุขภาพดี จาก “น้ำมันเมล็ดชา” ปัจจุบันน้ำมันปรุงอาหารมีให้เลือกใช้มากมายแต่ที่กำลังมาแรงตอนนี้คือ “น้ำมันเมล็ดชา”น้ำมันเพื่อสุขภาพของคนรักสุขภาพ ซึ่งมีประโยชน์นานัปการสามารถทำอาหารได้หลายชนิด เราจึงหยิบมาใช้ปรุงเมนูอาหาร
ได้มาจากการหีบหรือสกัดเย็นของเมล็ดชาจากต้นชาน้ำมันซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับชาเก็บใบ การปลูกชาน้ำมันในบ้านเราเกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้มูลนิธิชัยพัฒนากับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงมาทดลองปลูกที่โครงการพัฒนาดอยตุง โดยนำพันธุ์มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อช่วยพลิกฟื้นผืนป่าให้ประชาชนมีที่ทำกินและมีรายได้ขึ้นมา
ลักษณะของน้ำมันเมล็ดชาที่สกัดออกมาได้นั้น จะใส มีสีเหลืองอ่อน ๆ มีกลิ่นเฉพาะตัวนำมาทำอาหารได้ทั้งเมนูไทยและเทศ สามารถปรุงผ่านความร้อนสูงได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องสารก่อมะเร็ง เพราะมีจุดเดือดสูงถึง 252 องศาเซลเซียสหรือรับประทานสด ๆ วันละ 1 ช้อนโต๊ะเป็นประจำทุกวันก็ได้
จากการค้นคว้าของหลายองค์กร พบว่า “น้ำมันเมล็ดชา” มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งมีกรดโอเลอิก (โอเมก้า – 9) 81 – 87 เปอร์เซ็นต์ กรดไลโนเลอิก (โอเมก้า – 6) 13 – 28 เปอร์เซ็นต์และกรดแอลฟาไลโนเลนิก (โอเมก้า – 3) 1 – 3 เปอร์เซ็นต์ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และจะช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ให้แก่ร่างกาย แถมยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิต อีกทั้งยังนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางบางประเภทได้อีกด้วย
คุณสมบัติและประโยชน์อันมากมายของน้ำมันเมล็ดชาสามารถเรียกได้ว่าเป็น “น้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก” เลยก็ว่าได้
***เมนูอาหารแนะนำที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดชา ได้แก่
- ผักอบน้ำมันเมล็ดชากับชีส
- สลัดมันฝรั่งกับน้ำสลัดวินิเกรตต์น้ำมันเมล็ดชา
- ขนมปังฟ็อคคาเซีย
- ปลาแซลมอนย่างกับซอสมูสลิน
- ข้าวอบหอยแมลงภู่สไตล์กรีก
- เค้กแครอตวอลนัทกับครีมชีส
ขอบคุณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมัน และพืชน้ำมัน มูลนิธิชัยพัฒนาเอื้อเฟื้อข้อมูล
เรื่องและสูตร : เป็นเอก ทรัพย์สิน ภาพ : จิรวัฒน์ มหาทรัพย์ถาวร สไตล์ : ปรางรัตน์ ฤกษ์สง่า
