วิตามินอี เพื่อสุขภาพดี ผิวสวย

ชวนกิน/ใช้ วิตามินอี เพื่อสุขภาพเยี่ยม ผิวสวยด้วย

วิตามินอี เพื่อสุขภาพดี ผิวสวย

พูดถึงเรื่องสารอาหารเพื่อความสวยความงาม เชื่อว่าต้องมีคำว่า วิตามินอี เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ สารอาหารสำคัญนี้เป็นหนึ่งในวิตามินเด็ดคู่ใจคนรักผิว ทั้งยังดีต่อสุขภาพ วันนี้เราจึงมาแนะนำคุณประโยชน์ของ วิตามินอี รวมไปถึง การกินและใช้วิตามินอี ด้วย

รู้จักกับวิตามินอี

วิตามินอี เป็นหนึ่งในวิตามินที่ละลายในไขมันได้ดี ร่างกายจำเป็นต้องใช้วิตามินอีเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ ประโยชน์ของวิตามินอีคือป้องกันการแตกของเม็ดเลือด ป้องกันการอุดตันของเม็ดเลือด ต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการอักเสบ

รูปแบบของวิตามิน

มีความหลากหลายมาก อาทิ ยาน้ำ แคปซูลชนิดนิ่ม อาหารทางการแพทย์ นมทางการแพทย์ วิตามินรวมซึ่งมีวิตามินอีประกอบอยู่ด้วย ครีมทาผิว โลชั่นบำรุงผิว และอื่น ๆ นอกจากนี้วิตามินอียังมีอยู่ในอาหารธรรมชาติ โดยเฉพาะในผักและผลไม้

ความต้องการวิตามินอีของร่างกาย

  • ร่างกายคนทั่วไปต้องการวิตามินอีวันละ 10 IU
  • หากเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี และรับประทานอาหารครบ 5 หมู่เป็นประจำ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดวิตามินอี
  • ในบางรายอาจต้องการวิตามินอีมากกว่าคนทั่วไป เช่น คนที่มีปัญหาการดูดซึมวิตามินอี เป็นต้น
น้ำมัน, วิตามินอี, เพิ่มภูมิคุ้มกัน, แหล่งอาหารที่มีวิตามินอี
น้ำมันพืช แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี

วิตามินอีมีอยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง

วิตามินอี สามารถหาได้จากอาหารธรรมชาติหลายอย่าง เช่น ไข่ พืช ผัก ผลไม้ อาหารจำพวกถั่ว นอกจากนี้ยังมีอยู่ในน้ำมันที่มีส่วนผสมของถั่ว อาทิ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น

ประโยชน์ของวิตามินอี

  1. วิตามินอีในรูปแบบยา ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคขาดวิตามินอีในเด็ก ไปจนถึงโรคที่มีการนำวิตามินอีไปใช้นอกข้อบ่งใช้หลัก เช่น โรคปวดปลายประสาทจากการติดเชื้องูสวัด และโรคอัลไซเมอร์
  2. วิตามินอีในรูปแบบอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใช้เป็นสารกันหืนในอาหาร และใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงร่างกาย
  3. วิตามินอีในรูปแบบเครื่องสำอาง ใช้เป็นครีมบำรุงผิว เป็นสารกันหืน สารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ใช้ผสมในครีมกันแดด เนื่องจากวิตามินอีสามารถกรองรังสี UVB ได้

ข้อควรระวัง

หากมีโรคประจำตัวที่มียาทานประจำอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้งว่าสามารถทานวิตามินอีเพื่อเป็นการเสริมอาหารได้หรือไม่ เพื่อตรวจสอบว่ายาที่รับประทานอยู่เดิมกับวิตามินอีนั้นมีอันตรกิริยาต่อกันหรือไม่ ทั้งนี้ยกตัวอย่างเช่น ยาบางกลุ่มอาจเกิด “ยาตีกัน” กับวิตามินอีได้ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาต้านไวรัส ยาเคมีบำบัดหรือยากดภูมิเป็นต้น ซึ่งผลที่ตามมาอาจทำให้ยาที่ใช้อยู่ไม่ได้ผล เกิดอาการเลือดออกผิดปกติ หรืออาการข้างเคียงอื่น ๆ ได้

บำรุงผิวด้วยวิตามินอีแบบกินและแบบทา

  • วิตามินอีแบบกินเริ่มบำรุงผิวหลังกินไป 7-10 วัน
  • วิตามินอีแบบทาทำปฏิกิริยากับผิวทันที แต่ซึมลงบนผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ไม่ซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก
  • สามารถบำรุงผิวด้วยวิตามินอีทั้งแบบกินและทาควบคู่กันได้

อาการของคนที่ขาดวิตามินอี

อาการที่สังเกตได้คือเรื่องประสาทการรับสัมผัส ผู้ที่ขาดวิตามินอีจะรู้สึกชา ส่วนอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากการขาดวิตามินอี ได้แก่ ความผิดปกติทางระบบประสาท ระบบเลือด ระบบสืบพันธุ์

อาการของคนที่ได้รับวิตามินอีมากเกินไป

โดยปกติร่างกายคนเราจะสามารถทนกับวิตามินอีได้ค่อนข้างสูง และจะได้รับผลข้างเคียงเมื่อรับวิตามินอีที่ 800 IU อาการแสดงคือคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย มึนงง

การเก็บรักษาวิตามินอี

  • เก็บอาหารเสริมไว้ในภาชนะกันแสง หลีกเลี่ยงที่ร้อนชื้นและที่เย็นจัด หากนำไว้ในตู้เย็นใต้ช่องฟรีซจะทำให้เสื่อมเร็ว
  • วิตามินอีในผักผลไม้ หากนำไปปรุงสุกจะทำลายวิตามินอีให้เหลือน้อยลง รวมถึงการนำผลไม้ไปแช่แข็งก็เช่นกัน ทำให้วิตามินอีมีน้อยกว่าในผลไม้สด

ข้อมูลจาก รายการ Rama Square ช่วงสาระปันยา ไขข้อสงสัย “vitamin E กับการเสริมสุขภาพ” วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 โดย ภญ.ณัฐธิดา วรากุลปกรณ์ศิริ เภสัชกรคลินิก ฝ่ายเภสัชกรรม คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เจาะลึก วิธีกินวิตามินเอ แล้วกินเท่าไรจึงจะได้ผล ปลอดภัยชัวร์

คู่มือตากแดดเสริม วิตามินดี

เทคนิค กินวิตามินบี ให้สมองแล่นฉิว ช่วยความจำดี ไม่เสื่อมก่อนวัย

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.