รศ.นพ.นภชาญกล่าวว่า แม้ภาวะดังกล่าวจะมีความรุนแรง แต่ก็เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ของสมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกา (Journal of American College of Cardiology 2021) พบว่า โอกาสการเกิดหลอดเลือดดำที่สมองอุดตันภายหลังฉีดวัคซีนเท่ากับ 3.6 ต่อ 1,000,000 คน ในขณะที่โอกาสเกิดหลอดเลือดดำสมองอุดตันจากการเป็นโรคติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ 207 ต่อ 1,000,000 คน ซึ่งความเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดดำที่สมองอุดตันจากการเป็นโควิด-19 นี้มากกว่าความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนถึง 70-200 เท่า

ทั้งนี้ โอกาสของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนนั้น พบว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิด ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันทั้งหลอดเลือดแดงหัวใจ หลอดเลือดแดงสมอง และหลอดเลือดดำที่ขา เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในประชากรทั่วไป

สำหรับภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีน หรือ VITT นั้น พบว่าโอกาสเกิดน้อยกว่า 1 ใน 100,000 โดสของการฉีดวัคซีนในประชากรยุโรป อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากประเทศอินเดียพบโอกาสของการเกิด VITT มีน้อยกว่า 1 ใน 1,000,000 โดส และสำหรับประเทศไทยพบโอกาสเกิด VITT น้อยกว่า 1 ใน 2,000,000 โดส

“การเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดซีนโควิด-19 ส่วนใหญ่จึงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดร่วม (coincidence) โดยมักเกิดจากโรคประจำตัว หรือปัจจัยเสี่ยงของผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยที่บางครั้งผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง เป็นต้น” รศ.นพ.นภชาญกล่าว และว่า ดังนั้น แม้จะเป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่รุนแรงแต่ก็ไม่ใช่ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องวิตกกังวลสำหรับการรับวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากโอกาสพบต่ำมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ควรควบคุมโรคประจำตัวของตนเองให้ดี รับประทานยาและตรวจติดตามสม่ำเสมอซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากโรคประจำตัวของตัวเองมากกว่าการป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีน

รศ.นพ.นภชาญยังกล่าวถึงวิธีสังเกตอาการภาวะการเกิดลิ่มเลือดด้วยตัวเอง ว่าอาการทั่วไปที่เกิดตามหลังการฉีดวัคซีน เช่น เป็นไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ชาปลายนิ้วมือ หรือปวดตึงแขนด้านที่ฉีดยา มักจะหายไปเองภายใน 48-72 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ดังนั้น หากมีอาการปวดศีรษะ ตามัว แขนขาอ่อนแรง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ขาบวม เจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบผิดปกติ เกิน 3 วันหลังฉีดวัคซีน หรือเป็นอาการที่เกิดใหม่หลังฉีดวัคซีนในระหว่าง 5-30 วัน ควรไปปรึกษาแพทย์

“ปัจจุบันโอกาสเสียชีวิตจากการเป็นโรคติดเชื้อโควิด-19 สูงถึงร้อยละ 1-2 ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยงของการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างมากนับพันเท่า การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิดจึงมีประโยชน์อย่างมากทั้งต่อตัวเองในการป้องกันการติดเชื้อ หรือลดความรุนแรงของการติดเชื้อ รวมทั้งลดอัตราการเสียชีวิต ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในหมู่ประชากร ควบคุมการติดเชื้อ และภาระต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ นอกจากนี้ จากการศึกษาในประเทศอิสราเอลพบว่า การติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันและการเกิดเลือดออกรุนแรงเช่นในสมองสูงกว่าการฉีดวัคซีนอย่างมาก ดังนั้น นอกจากการฉีดวัคซีนจะเป็นการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ยังลดโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังติดเชื้อโควิด-19 อีกด้วย” รศ.นพ.นภชาญกล่าว

ขอบคุณข้อมูล : มติชน ออนไลน์

บทความอื่นที่น่าสนใจ

กรมอนามัยแก้ไขปัญหาท้องไม่พร้อม สนับสนุนวัยรุ่นไทยเข้าถึงการ คุมกำเนิดฟรี

กินเผ็ด ก่อโรค พริกเยอะเกินไป ยิ่งซ้ำเติมโรค

ผู้ป่วยโรคหัวใจ และโรคปอด ควรเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ป้องกันการเสียชีวิต 90%