สมุนไพรไทย ความรู้จากภูมิปัญญาที่สั่งสมมาเนิ่นนานและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านบทพิสูจน์มากมาย โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา ที่ผู้คนต่างหันมาพึ่งพาสมุนไพรเพื่อเป็นเกราะกำบังจากโรคระบาด ทำให้จากองค์ความรู้ที่เดิมถูกตีแผ่และเผยแพร่อย่างกว้างขวาง และนี่คือเรื่องราวหนึ่งบุคคล และหนึ่งองค์กรผู้คลุกคลีกับสมุนไพรไทยมาเนิ่นนาน
มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ได้รับเลือกให้เป็นองค์กรคุณภาพ การันตีด้วยรางวัล CHEEWAJIT’S CHOICE สาขา ORGANIZATION ภายใต้งาน ‘ชีวจิต Awards 2021’
โดยมี ภก.ชาญชัย ธรรมร่มดี กรรมการบริหารและที่ปรึกษาการตลาด มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ เป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัล และจะมาบอกเล่าเรื่องราวการทำงานในช่วงสถานการณ์โควิด ที่ประชาชนหันมาสนใจในการใช้สมุนไพรเพื่อป้องกันและรักษาโรคกันมากขึ้น
การดำเนินงานของมูลนิธิในช่วงโควิด-19
อภัยภูเบศรเป็นมูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไร หรือ Social Enterprise ที่กระทรวงพัฒนาสังคมแห่งชาติประกาศขึ้น มีพันธกิจคือ การนำสมุนไพรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการนำยาเข้าจากต่างประเทศ
ช่วงที่ผ่านมา อภัยภูเบศรพยายามค้นหาสมุนไพรที่มีประโยชน์ในการต่อสู้กับโรคโควิด เรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่เริ่มชี้นำให้ทั้งฝ่ายวิชาการ สังคมแพทย์ และสังคมไทย ให้ความสนใจต่อสมุนไพรฟ้าทะลายโจร
โดยได้ทำวิจัยศึกษาฟ้าทะลายโจรจากทั่วโลก พบว่า ในต่างประเทศมีการใช้ฟ้าทะลายโจรต่อสู้กับไข้หวัดนกที่เป็นโคโรนาไวรัสกลุ่มเดียวกับโควิด-19 จึงได้ทำการจำลองโมเลกุลาร์ด็อกกิงของฟ้าทะลายโจรในคอมพิวเตอร์ พบว่า แอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่เป็นสารสำคัญในฟ้าทะลายโจร สามารถไปจับ Receptor ชื่อ ACE2 ได้เช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นก็มีการนำ Real World Data มาใช้ในในสถานราชทัณฑ์ที่มีการระบาดอย่างหนัก โดยอภัยภูเบศรบริจาคยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้กับกรมราชทัณฑ์หลายแสนเม็ด ให้นักโทษแต่ละคนกินวันละ 3 เม็ด 4 ครั้ง เป็นระยะเวลา 5 วัน ผลปรากฎว่า คนที่จะเป็นโควิดมีลดน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้กินยาฟ้าทะลายโจร
และยังมีการวิจัยเพิ่มเติม พบว่า การกินยาฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันโควิดอาจไม่ได้ผลมากนัก แต่การกินยาฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาโรคโควิดระยะเริ่มต้นจะมีประสิทธิภาพได้ผลมากกว่า ทำให้เมื่อกลางปีที่ผ่านมา บัญชียาหลักแห่งชาติ ได้บรรจุฟ้าทะลายโจรเข้าไปอยู่บัญชียาหลักแห่งชาติด้วยสรรพคุณใช้ในการรักษาโควิด-19
ประโยชน์ของสมุนไพรไทย
อภัยภูเบศรมีการศึกษา วิจัย และทดลองการสกัดยาสมุนไพรชนิดต่างๆ ก่อนออกนำสู่ท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นยาขมิ้นชัน ยาหญ้าปักกิ่ง ยาเพชรสังฆาต น้ำมันรำข้าว สกินแคร์ต่าง ๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกระชายแดงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ยาสมุนไพรจะเหมาะกับใช้ในการรักษาโรคทั่วไปที่ไม่ซับซ้อน เช่น โรคกระเพาะ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยซื้อยาจากต่างประเทศเพื่อใช้รักษาโรคเหล่านี้ประมาณเจ็ดหมื่นล้านบาทต่อปี การใช้ยาสมุนไพรที่ผลิตภายในประเทศก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายของประเทศลงได้
อีกทั้ง สมุนไพรก็มาจากพืชที่อยู่ในอาหารที่เรากินทุกวัน เพียงแต่มีการนำพืชเหล่านั้นมาดัดแปลง สกัดเป็นยา ฉะนั้น การใช้ยาสมุนไพรจะช่วยให้เราลดการนำเคมีเข้าไปในร่างกาย มีความปลอดภัยหากรู้วิธีใช้อย่างถูกต้อง
ปัจจุบัน สมุนไพรกลับมาเป็นที่ยอมรับในสังคมไทยอีกครั้ง ในขณะเดียวกันทางอภัยภูเบศรก็อยากจะชักชวนทุกคนให้นำสมุนไพรไทยออกไปสู่ตลาดโลก สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทย
นอกจากโรงพยาบาลอภัยภูเบศรแล้ว มูลนิธิสุขภาพไทย คืออีกหนึ่งองค์กรที่ช่วยส่งต่อคุณค่าและสรรพคุณของสมุนไพรไทยสู่สังคม
มูลนิธิสุขภาพไทย
คุณรสนา โตสิตระกูล เลขาธิการ มูลนิธิสุขภาพไทย เป็นนักรณรงค์ด้านสุขภาพและสิทธิผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน เล่าถึงที่มาของมูลนิธิฯ ไว้ โดยเริ่มต้นในยุคที่คนหนุ่มสาวมุ่งสู่การพัฒนาชนบท
“มูลนิธิสุขภาพไทย เดิมมีชื่อว่า โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2522 ในสังกัดมูลนิธิโกมลคีมทอง และเปลี่ยนมาเป็นมูลนิธิสุขภาพไทยในปีพ.ศ.2539
“ตอนแรก คุณสุพจน์ อัศวพันธุ์ธนกุล ซึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนจบเภสัชฯ จากมหาวิทยาลัยมหิดลชวนให้มาทำโครงการศึกษาสมุนไพรในชุมชนด้วยกัน งานนี้ดำเนินการภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิโกมลคีมทองซึ่งอยากสนับสนุนหนุ่มสาวให้ได้ทำงานเพื่อสังคม
“จนถึงปัจจุบันนี้ องค์ความรู้ที่เราช่วยกันทำสะสมมาได้กลายเป็นข้อมูลพื้นฐานในการผลักดันให้เกิดรายชื่อ 5 สมุนไพรที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน ไพล ชุมเห็ดเทศ หญ้าหนวดแมว หลักจากนี้ก็มีเพิ่มมาเป็น 66 ชนิด”
จนถึงทุกวันนี้ คนไทยมีโอกาสใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพจากการสั่งจ่ายในโรงพยาบาลทำให้ได้ยาสมุนไพรที่ปลอดภัยและผลิตตามมาตรฐาน ซึ่งคุณรสนาได้ชี้ประเด็นที่สำคัญทิ้งท้ายว่า
“ลองคิดภาพว่า ถ้าเราต้องใช้ยาจากต่างประเทศทั้งหมด เราต้องเสียเงินให้บริษัทยาต่างชาติมากแค่ไหน ในขณะนี้ อย่างน้อยเรามีทางเลือกในการใช้สมุนไพรดูแลสุขภาพเบื้องต้น ย่อมช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขไปได้ไม่น้อย
“ที่สำคัญ มุมมองและการใช้สมุนไพรพื้นฐานค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ กรณีการระบาดโควิดที่ผ่านมา คนไทยใช้ฟ้าทะลายโจร กระชาย ขิง และผักผลไม้ใกล้ตัวมาปรุงอาหารและทำน้ำสมุนไพรดื่ม ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า การนำสมุนไพรมาดูแลสุขภาพด้วยตนเองนั้นมีศักยภาพในการนำมาใช้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการฝ่าวิกฤตสุขภาพซึ่งอาจจะมีเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตได้”
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สังคม สิ่งแวดล้อม สำคัญอย่างไรต่อผู้สูงอายุ?