ดื่มน้ำน้อย เสี่ยงป่วยหลายโรค แถมยังเสียสมดุลในร่างกาย
คุณเป็นคนหนึ่งที่ ดื่มน้ำน้อย หรือเปล่า ทั้งนี้เราควรดื่มน้ำให้ได้ตามสัดส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะคนทำงานหนักๆ หลายคนจะมีเสียงเดียวกันว่าไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจตัวเองขนาดนั้น ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพ
รู้หรือไม่ว่า… การดื่มน้ำให้เพียงพอที่ร่างกายต้องการต่อวัน เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด ที่ทุกคนสามารถทำได้ ในขณะที่คุณทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ
โดยหากร่างกายขาดน้ำจนถึงที่สุดอาจส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุลและเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักถึง 2 ใน 3 ทั้งในเลือดและในเซลล์ต่าง ๆ ในแต่ละวันร่างกายมีการขับถ่ายของเสียในรูปแบบต่าง ๆ ที่ทำให้สูญเสียน้ำ ดังนั้น เราจำเป็นต้องดื่มน้ำชดเชย และควรดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ
– คนทั่วไปควรดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 8-10 แก้ว
– วันไหนที่อากาศร้อนชื้นและออกกำลังกาย แนะนำให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้น 1.5-2.5 แก้ว
ผลเสียต่อร่างกายหากดื่มน้ำไม่เพียงพอ
1.ไตทำงานหนักขึ้น และปัสสาวะมีสีเข้ม เพราะน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
2.มีโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่างได้ง่าย
3.มีสารก่อนิ่วตกตะกอน อาจเป็นเหตุของโรคนิ่วได้
กรณีผู้ป่วยมีโรครื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเกี่ยวกับปริมาณน้ำดื่มที่เหมาะสม
อาการที่ควรสังเกต เมื่อร่างกายขาดน้ำ
– กระหายน้ำ
– อ่อนเพลีย / เหนื่อยง่าย
– ปวดศีรษะ / วิงเวียนศีรษะ
– ปัสสาวะน้อย 4-6 ชั่วโมง / 1 ครั้ง
– ชีพจรเต้นเร็ว หายใจ หอบถี่
– ความดันโลหิตต่ำ บางรายอาการรุนแรง จนเกิดอาการชักได้
ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อร่างกายขาดน้ำ
– ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย 4-8 แก้ว ต่อวัน (แก้วน้ำขนาด 200มล.)
– หากร่างกายขาดน้ำจากอาการท้องเสีย ควรดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อลดอาการอ่อนเพลีย จากการสูญเสียน้ำในร่างกายไปด้วย
– หลีกเลี่ยงสถานที่อบอ้าว ควรหาจุดที่อากาศถ่ายเท ร่มรื่น เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย
การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายต่อวัน แน่นอนว่าเป็นการชดเชยน้ำในร่างกายที่เสียไป แต่การดื่มน้ำยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง
1. ดีต่อสมองและระบบประสาท น้ำ คือส่วนประกอบสำคัญของเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกายและสมอง การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้คลายเครียด ลดอาการปวดศีรษะได้ ถือเป็นการผ่อนคลาย และเพิ่มพลังให้กับสมองอีกทางหนึ่ง
2. ช่วยให้ผิวพรรณสุขภาพดี ไม่เหี่ยวย่นง่าย เพราะน้ำจะคอยดูแลเซลล์ให้ลอยอยู่บนน้ำ และช่วยให้เกิดการไหลเวียนของเลือดในร่างกายได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ดูเรียบเนียน มีน้ำมีนวล และดูอ่อนเยาว์
3. ช่วยล้างสารพิษและช่วยให้ระบบการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะน้ำจะนำพาของเสียให้ออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดาย ทั้งทางอุจจาระ ปัสสาวะ และรูขุมขน
4. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันอาการเลือดข้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดได้
5. ช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ เพราะทุกระบบก็ต้องการน้ำไปใช้ทั้งสิ้น
6. ช่วยส่งเสริมการทำงานของไต โดยเจือจางเกลือและแร่ธาตุที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดนิ่ว จึงลดความเสี่ยงโรคนิ่วในไตได้
7. ช่วยย่อยอาหารและส่งผลดีต่อสุขภาพของลำไส้ การดื่มน้ำที่เพียงพอ จะทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และป้องกันอาการท้องผูก
8. ช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ เป็นตัวการสำคัญที่ช่วยให้ปฏิกิริยาเคมีของกระบวนการเผาผลาญอาหาร และไขมันในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ
9. ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ตลอดเวลา โดยที่น้ำจะระบายความร้อนที่เป็นส่วนเกินออกจากร่างกายในรูปแบบเหงื่อที่ระเหยจากผิวหนัง เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
10. ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็ง เพราะน้ำมีส่วนช่วยในการลำเลียงสารอาหาร กำจัดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ จึงทำให้ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย
นี่เป็นเพียงบางส่วนที่ร่างกายจะได้รับประโยชน์จากการดื่มน้ำเท่านั้น รู้อย่างนี้แล้ว คนที่อยากจะเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้ดีทั้งร่างกาย จิตใจ และผิวพรรณ การดื่มน้ำถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทั้งง่าย สะดวก ราคาไม่แพง แค่เริ่มลงมือทำ ปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อสุขภาพที่ดีกันค่ะ
ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย