คุณตือ-สมบัษร ถิระสาโรช” ออร์กาไนเซอร์มือหนึ่งของเมืองไทย ผู้มีงานอีเว้นท์ล้นมือ แถมแต่ะละงานที่ถึงมือคุณตือก็โดดเด่น โด่งดังเป็นที่กล่าวขานอยู่ร่ำไป ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้คนในวงการอีเว้นท์ต่างรู้ดีว่า ‘พี่ตือคนนี้ ทำงานจริงจัง คิดเร็วทำเร็ว แอคทีฟอยู่ตลอดเวลา’ เมื่อทุ่มเทแรงกายแรงใจขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่คุณตือจะก้าวขึ้นมาอยู่บนแถวหน้าของเมืองไทยได้อย่างในปัจจุบัน แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ จนหลายคน (รวมถึงเรา) อยากรู้ก็คือ คุณตือทำงานเยอะขนาดนี้ มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรให้สดใส สมองไบร์ทได้ทุกวัน บทสัมภาษณ์ฉบับนี้จะพาคุณมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
ออกกำลังกายด้วยการเดิน (หมื่นก้าว) “ถึงจะยุ่งแต่ตือก็ดูแลตัวเองอยู่ตลอด วิธีการดูแลสุขภาพในแบบของ
ตือคือ ตื่นมาจะออกกำลังกายด้วยการเป่าลม เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจน จากนั้นต้องดื่มน้ำแก้วโตๆ ทุกเช้า ส่วนการออกกำลังกายหลักๆ ที่ตือทำทุกวันคือการเดินเร็วแล้วนับก้าว เนื่องจากอาชีพของตือต้องเดินไปโน่นมานี่ขยับร่างกายตลอด ในแต่ละวันตือเดินหมื่นกว่าก้าวแล้ว เลยถือว่านี่คือความโชคดี ที่ทำให้เราได้มีโอกาสออกกำลังกายทุกวัน ส่วนการดูแลตัวเองเรื่องอาหาร ตือไม่ได้เคร่งครัดเรื่องกินมาก เน้นใช้วิธีปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมกับตัวเองมากกว่า เช่น สมัยก่อนชอบกินอาหารตอนดึก รู้ว่าไม่ดี ตอนนี้เราก็เปลี่ยนมาเป็นกินอาหารกลางวันให้มากขึ้น มื้อค่ำหลัง 2 ทุ่ม พยายามกินอาหารจำพวกแป้งให้น้อยลง”
ถึงเป็นวันหยุด แต่! ไม่เคยหยุดทำงาน เห็นคุณตือทำงานหนักขนาดนี้ เราชักอยากรู้ว่ามีเวลารีแล็กซ์บ่อยแค่ไหน คุณตือตอบชัดเจนว่ามี แต่… “จริงๆ ตือก็มีวันว่างนะ บางทีว่างแค่ครึ่งวันก็ไปทำสปา ไปช้อปปิ้งก็มีความสุขแล้ว หรือถ้ามีโอกาสตือจะล็อกวันว่างไว้ 3 วัน 5 วัน หรือ 10 วัน ไปทำบุญต่างจังหวัด นอนพักที่รีสอร์ทริมน้ำ แต่วันหยุดของตือมันไม่ใช่ว่าหยุดแล้วชัทดาวน์ตัวเองไม่ทำงาน เพราะอาชีพตือต้องแก้ปัญหาตลอดเวลา ตือจึงเปิดมือถือไว้ตลอด และเราจะไม่หงุดหงิดเวลาที่คนโทรมาถามเรื่องงาน เพราะคิดเสมอว่าเราเลือกอาชีพนี้แล้ว เรามีความสุขที่ได้ทำงานนี้ ที่ต้องสแตนบายแก้ไขปัญหาต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ตือจึงไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อกับการที่ต้องทำงานในวันหยุด บางคนอาจรู้สึกว่าวันหยุดไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย แต่สำหรับตือหากต้องทำงานวันหยุดสัก 1-2 ชั่วโมง มันก็ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนอะไร ดีกว่าปล่อยไว้ จนอาจแก้ไขปัญหาไม่ทันการณ์”
แบรนด์แอมบาสเดอร์สินค้าเพื่อสุขภาพ งานใหม่ที่ทุ่มเท เมื่อถามถึงงานในช่วงนี้ คุณตืออัพเดทให้ฟังว่า งานอีเว้นท์ที่รับจัดยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนงานใหม่ที่ถือเป็นงานที่เขามุ่งมั่นและทุ่มเท ถึงขนาดลุงทุนทดลองสินค้าด้วยตัวเองก็คือ การรับเป็นแอมบาสเดอร์สินค้าเพื่อสุขภาพ “ปกติในแต่ละปี ตือจะรับเป็นพรีเซนต์เตอร์ให้กับอสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ แต่ปีนี้เป็นปีแรกและครั้งแรกที่รับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ผลิตภัณฑ์สินค้าที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เพราะปกติตือไม่ค่อยได้สนใจหรือรับประทานอาหารเสริมมากนัก แต่บังเอิญครั้งนี้ได้คุยกับเจ้าของสินค้าคือ คุณมุ่ย-สลิลาพร กองทองมณีโรจน์ ซึ่งเราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ตือก็คุยกับคุณมุ่ยว่า ตืออายุมากแล้วและตือก็ทำงานเยอะ ทุกวันนี้ใช้สายตากับสมองเยอะมาก เนื่องจากต้องทำงานผ่านมือถือ คอมพิวเตอร์ ตือเลยบอกว่าอยากได้สมุนไพร มาเป็นตัวช่วยดูแลในเรื่องของสมอง สายตา และอวัยวะภายในร่างกาย คุณมุ่ยเลยบอกว่า มีผลิตภัณฑ์ตัวนึงเป็นสมุนไพรที่เธอปรุงขึ้นมาแล้ว และกำลังมองหาแอมบาสเดอร์อยู่ เลยชักชวนกัน
ก่อนจะตกปากรับคำ ตือก็บอกว่าขอเอามาลองกินเองก่อนนะ ปราฏกว่ากินแล้วมันเห็นผลในเรื่องสมอง คือความจำเราดีขึ้น จากแต่ก่อนที่พอใครบอกอะไรมาต้องจด ต้องตะโกนให้ผู้ช่วยจดหรือช่วยจำ แต่ทุกวันนี้สามารถที่จะจำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น ทำงานไม่หลุดหรือหลงลืมง่าย (เราเชื่อค่ะ เพราะระหว่างสัมภาษณ์คุณตือ ยังสามารถสั่งงานลูกน้อง แล้วหันกลับมาตอบคำถามสัมภาษณ์ได้อย่างดี ไม่หลุดเลยจริงๆ ^_^) ข้อดีอีกอย่างที่เกิดขึ้นคือ ระบบขับถ่ายดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งขึ้น สายตาโฟกัสสิ่งต่างๆ ได้ดี ไม่รู้สึกปวดตา นี่คือสิ่งที่ตือรู้สึกได้ ตือจึงคิดว่านี่มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีจริง ดังนั้นตือควรจะนำสิ่งดีๆ บอกต่อคนอื่นไป เลยรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับผลิตภัณฑ์นี้ เพราะถ้ามันมีประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ เราก็ยินดีที่จะทำ”
งานดี –สุขภาพดี ตีคู่กันไปได้พร้อมๆ กัน ก่อนจบสนทนา คุณตือฝากข้อคิดเรื่องการดูแลตัวเองส่งท้ายมาว่า “ตือจะบอกว่าคุณไม่ต้องแบ่งเวลาทำงานมาดูแลสุขภาพหรอก ควรดูแลทั้งสองอย่างตีคู่กันไปเลย บางคนที่สามารถแยกเวลาพักผ่อน กับเวลาดูแลตัวเองออกจากกันได้ก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าคุณแยกเวลาแบบนั้นไม่ได้ ขอให้คุณตีคู่กันไป เพราะการดูแลตัวเองมันไม่จำเป็นต้องหยุดทำงาน และหากคุณต้องทำงานควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพนั้น นอกจากเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกายที่ดีแล้ว ถ้าคุณหาผลิตภัณฑ์ที่กินแล้วเหมาะกับตัวเองได้คุณก็จะโชคดีขึ้นไปอีก เพราะมันเหมือนคุณมีตัวช่วย มีคนที่คอยดูแลคุณอยู่ใกล้ๆ ซึ่งก่อนจะหาตัวช่วยนั้นเจอ ให้ถามตัวเองก่อนว่าอะไรคือสิ่งที่คุณอยากได้ อย่างตัวตือรู้ดีว่าต้องการให้คนมาช่วยเหลือดูแลในเรื่องของสมอง และ ตา และต้องเป็นสมุนไพรด้วยจะได้ปลอดภัยต่อสุขภาพ ก็หาว่าผลิตภัณฑ์ใดที่ตอบโจทย์ตรงนี้ พอเจอแล้วเราก็จะแฮปปี้ ทุกอย่างจะออกมาดี”
ดูแลทั้งเรื่องเรื่องงานและสุขภาพได้อย่างสมดุลเช่นนี้เอง ถึงได้มีความสุขและดูสดใส แถมสมองไบร์ท สร้างสรรค์ผลงานอีเว้นท์เลิศๆ ออกมาให้เราได้เห็นอยู่ตลอด ใครจะเก็บเอาข้อคิดและเคล็ดลับดีๆ แบบนี้ไปใช้บ้างก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ คุณตือบอกมาว่าไม่หวง ^_^