ยาแก้อักเสบ

Better Choice ตัวช่วยแทนการกินยาแก้แพ้ ยาแก้อักเสบ

Better Choice

ตัวช่วยแทนการกินยาแก้แพ้ ยาแก้อักเสบ

 

ยาแก้แพ้ ยาแก้อักเสบ ชีวจิต ชวนทุกท่านกลับมาทบทวนผลข้างเคียง ที่อาจคาดไม่ถึงของยาทั้งสองชนิด เป็นยาที่คุ้นเคยด้วยใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ และมีข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียงและอาการแพ้อยู่เนืองๆ

ตามไปดูประสบการณ์ของผู้ใช้จริง พร้อมแนะทางเลือกในการเยียวยาตัวเองที่ไม่ต้องเสี่ยง จากอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูชีวจิต, เภสัชกรวินิต อัศวกิจวิรีผู้อำนวยการกองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข, คุณชลาลัย โชคดีศรีจันทร์ แพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ยาแก้แพ้…ศัตรูหัวใจและหลอดเลือด

หัวใจ

อาการภูมิแพ้มีมากมายสารพัดอาการ จนบางทีป่วยเป็นอะไรนิดหน่อย แทนที่จะเร่งดูแลสุขภาพ สร้างเสริมภูมิชีวิตให้แข็งแรง กลับอนุมานกันเอาเองว่า เห็นทีจะมีอาการภูมิแพ้กับเขาเข้าบ้างแล้ว และแล้วก็แก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการซื้อยาแก้แพ้มากิน

นอกจากการออกฤทธิ์ช่วยระงับอาการภูมิแพ้ต่างๆ แล้ว ยานี้ยังมีผลข้างเคียงที่ทำให้ง่วงเหงาหาวนอน จนต้องติดคำเตือนตัวใหญ่เบิ้ม เอาไว้เตือนคนที่ต้องขับขี่ยวดยานพาหนะ หรือต้องทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรว่าควรหลีกเลี่ยงการทำงานเมื่อใช้ยานี้

ทว่าผลข้างเคียงดังกล่าวกลับเป็นที่ติดอกติดใจคนที่มีอาการนอนไม่หลับแบบที่กินกันจนติดเป็นนิสัย ไม่กินเป็นไม่หลับไม่นอน ซึ่งเป็นการใช้ยาในทางที่ผิด

อาจารย์วินิตเล่าถึงผลข้างเคียงต่อการใช้ยาผิดๆ เช่นนี้ว่า

โทษมหันต์

ผลต่อระบบทางเดินหายใจและหลอดเลือด : อาจารย์วินิตอธิบายว่า ยาแก้แพ้มีผลข้างเคียงคือช่วยให้นอนหลับ เพราะรบกวนประสาทส่วนกลาง และมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ยากลุ่มนี้ เช่น คลอเฟนิรามีน (Chlopheniramine) อาทาแรกซ์ (Atarax)

“กินยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางบ่อยๆ ระบบประสาทจะชิน ถ้ากินต่อเนื่องนานๆ อาจต้องเพิ่มปริมาณ จากการกินในขนาดปกติประมาณ 2 มิลลิกรัมเพิ่มเป็น 5 มิลลิกรัม เพื่อทำให้นอนหลับได้

“เมื่อกินมากขึ้นจะส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจและหลอดเลือด อาจทำให้หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ใจสั่น มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้ปวดเกร็ง อาเจียน

ผลต่อหัวใจและตับ : อาจารย์วินิตอธิบายว่า ยาประเภทที่บรรยายสรรพคุณว่ากินแล้วไม่ง่วง เช่น ลอราทาดีน (Loratadine) ก็ส่งผลต่อการทำงานของตับ หลอดเลือดและหัวใจเช่นเดียวกัน

Better Choice!

อาการเริ่มต้น : หากช่วงนี้เริ่มมีอาการนอนไม่หลับ ลองทำตามวิธี Relaxation ของอาจารย์สาทิสดูค่ะ

  1. หาที่สงบๆ นอนแผ่สองสลึงตามสบาย ปล่อยตัวปล่อยใจเงียบๆ สักพักทิ้งน้ำหนักในตัวของเราลงไปบนพื้นหรือที่นอนเต็มที่ ให้รู้สึกเหมือนตัวกำลังจมลงไปบนพื้น ทำใจให้ว่าง สบายๆ
  2. แก้เกร็งที่มือ แขน ไหล่ เท้า ขา คอ ท้อง และทรวงอก โดยกำมือ เกร็งเต็มที่ นับหนึ่งถึงสิบแล้วปล่อย ทำซ้ำกัน 3 ครั้ง
  3. เหยียดปลายเท้าตรง เกร็งทั้งท่อนขา นับหนึ่งถึงสิบแล้วปล่อย ทำซ้ำกัน 3 ครั้ง
  4. ผงกศีรษะให้คางจรดอก หมุนคอจากซ้ายไปขวา แล้วหมุนกลับขวาไปซ้าย นับเป็นหนึ่งรอบ ให้ทำซ้ำกัน 3 รอบ
  5. หายใจยาวถึงสะดือ กลั้นหายใจ แล้วแขม่วท้อง ดึงสะดือให้ลึกจนเหมือนติดกระดูกสันหลัง นับหนึ่งถึงห้า ปล่อยลมหายใจ นับเป็นหนึ่งรอบ ทำซ้ำกัน 3 รอบต่อจากนั้นนอนหายใจตามปกติ
  6. นอนสงบสบาย (Relaxation) เอาใจไว้ที่กลางหว่างคิ้ว นับเดินหน้าถอยหลังคือ 1 แล้ว 1 – 2 ต่อด้วย 1 – 5 ต่อไปเรื่อยๆ

ระหว่างมีอาการ : แนะนำให้ทำตามวิธี Relaxation ของอาจารย์สาทิสเป็นประจำ แล้วเพิ่มเติมด้วยวิธีเยียวยาตามหลักการของแพทย์แผนไทย คุณชลาลัยแนะนำไว้ดังนี้

“แพทย์แผนไทยมองว่า การนอนไม่หลับเกิดจากธาตุไฟทำให้ร่างกายร้อนเกินไป หรือธาตุลมกำเริบ ทำให้ร่างกายเย็นเกินไป

“เพราะธาตุไฟกำเริบ ซึ่งเกิดจากอาหารการกิน การใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล ตลอดจนความเครียดสะสม ทำให้เรารู้สึกร้อนๆ ระส่ำระสาย เครียด ไม่สบายใจ-กายจนนอนไม่หลับ ต้องดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นที่มีความหอม เช่น น้ำลอยดอกมะลิ และ น้ำใบบัวบก ซึ่งมีฤทธิ์เย็น

“เพราะธาตุลมกำเริบ ซึ่งมักเกิดในผู้สูงอายุ จะทำให้รู้สึกตื้อๆ อึดอัด หงุดหงิด รู้สึกง่วงเพลีย แต่ข่มตาไม่ลง ยิ่งถ้ารู้สึกหนาวๆ นั่นอาจแสดงว่าระบบไหลเวียนต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่ค่อยดี แก้ได้ด้วยการให้ความอุ่นเข้าไป เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียน

“ทำได้ง่ายๆ โดยวิธีการดื่มน้ำอุ่น เช่น น้ำต้มใบเตยน้ำขิง น้ำใบกะเพรา (โดยเด็ดใบกะเพราแดง 4 – 5 ใบใส่ในแก้วน้ำ เทน้ำร้อนตามลงไป ปิดฝาสักครู่) ดื่มก่อนนอน 10 – 15 นาที”

ทว่าหากคุณผู้อ่านใช้ยาแก้แพ้ในฐานะเป็นยาแก้แพ้จริงๆ เนื่องจากเป็นภูมิแพ้ ลองปรับพฤติกรรมตามคำแนะนำของอาจารย์สาทิสดังต่อไปนี้ค่ะ

น้ำอาร์ซี

  1. กินอาหารตามสูตรชีวจิต
  2. ทำดีท็อกซ์ติดต่อกันสัก 14 วัน
  3. หัดผ่อนคลาย (Relaxation) ผสมกับการทำสมาธิทุกวัน
  4. ทำน้ำอาร์ซีดื่มทุกวัน
  5. กินวิตามินกลุ่มแอนติออกซิแดนต์ A C D E แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) และซีลีเนียม (Selenium) อย่างละ 1 เม็ดตอนเช้าทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน

ในทางแพทย์แผนไทย?คุณชลาลัยแนะนำเพิ่มเติมว่า

“แนะนำให้กินสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่น เช่น ขิง ขมิ้น ชนิดแคปซูลหากมีอาการผื่นแพ้บริเวณผิวหนัง แพทย์แผนไทยวิเคราะห์ระบบน้ำเหลืองในร่างกายเป็นพิษ แนะนำให้อบไอน้ำเพื่อขับพิษออกทางผิวหนัง”

ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย : นายแพทย์เขมภพ ยงชัยรัตน์ โรงพยาบาลสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เตือนว่า

“คนไข้ที่มีอาการนอนไม่หลับไม่ควรกินยาแก้แพ้เด็ดขาด เพราะเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ถ้านอนไม่หลับเรื้อรังควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและให้การรักษาที่ถูกต้อง

“อย่างไรก็ตาม หากต้องกินยาแก้แพ้ ควรกินในขนาดตามแพทย์สั่งหรือตามคำแนะนำการใช้ยาจากเภสัชกร เพื่อให้ร่างกายขับออกได้ตามปกติ แต่ถ้าคนไข้มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วย เพราะร่างกายอาจขับยาออกจากร่างกายช้าอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้”

อ่านต่อหน้าที่ 2

ยาแก้อักเสบกินผิดๆ แถมอาการแพ้

ยาแก้อักเสบ

ยาแก้อักเสบเป็นยายอดฮิตอีกชนิดหนึ่ง เพราะเมื่อมีอาการปวดหรืออักเสบเกิดขึ้น ณ ที่ใดที่หนึ่งในร่างกาย ไม่ว่าจะเจ็บคอ เป็นฝีปวดอักเสบแผล ฯลฯ?เป็นต้องเรียกใช้บริการยาแก้อักเสบ ด้วยสามารถหาซื้อกินกันได้ง่าย แต่ที่พบบ่อยๆ ก็คือ กินแล้วอาการไม่บรรเทาลงเลย นั่นเป็นเพราะอาการอักเสบในร่างกายเกิดได้หลายรูปแบบ และน้อยคนนักจะมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาการของตัวเอง ตลอดจนการกินยาชนิดนี้อย่างถูกต้อง

อาจารย์วินิตอธิบายถึงการใช้ยาแก้อักเสบว่า ยาแก้อักเสบมี 2 กลุ่มคือ ยาปฏิชีวนะ ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ช่วยลดการอักเสบจากเชื้อโรคและ ยากลุ่ม NSAID ช่วยลดอาการอักเสบจากการปวดบวมที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค การใช้ยาแก้อักเสบจึงควรให้แพทย์วินิจฉัยจากอาการว่ามีสาเหตุจากอะไร เพื่อจ่ายยาถูกต้องในการรักษาอาการได้ตรงจุด เพราะผลข้างเคียงของการใช้ยากลุ่มนี้มีไม่น้อยเลย

ตัวอย่างเช่น มีอาการอักเสบจากการติดเชื้อ แต่บอกเภสัชกรที่ร้านขายยาแค่อาการปวด อาจได้ยากลุ่ม NSAID ซึ่งทำให้อาการอักเสบนั้นไม่หาย เพราะตัวยาไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค ทำให้เชื้อโรคลุกลามต่อไป ขณะเดียวกันก็ได้รับผลข้างเคียงของยากลุ่ม NSAID ไปด้วย

โทษมหันต์

อาการทางผิวหนัง : ผลข้างเคียงของ ยาปฏิชีวนะ กลุ่มเพนิซิลลินสามารถทำให้เกิดอาการแพ้เป็นผื่น ถ้าเป็นมากๆ ก็อาจเป็นจ้ำไหม้บริเวณผิวหนังได้

ยาปฏิชีวนะอีกตัวหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ยากลุ่มซัลฟา เช่น ซัลฟาเมท็อกซาโซล (Sulfamethoxazole) เป็นยาที่มีโอกาสแพ้ทางผิวหนังสูงอาจเป็นจ้ำแดง เป็นผื่นไหม้ บางทีทำให้ผิวหนังมีลักษณะไหม้ทั้งหน้าทั้งตัวได้

อาการในระบบทางเดินหายใจ : ยากลุ่มเพนิซิลลินอาจทำให้เกิดอาการความดันเลือดต่ำทันที หายใจไม่ออกช็อก เสียชีวิตได้

ผลข้างเคียงต่อตับ ไต : ยาแก้อักเสบชนิดใหม่ๆ เช่น ควิโนโลน (Quinolone) มีผลข้างเคียงต่อตับ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ โรคไต หัวใจ หลอดเลือด ควรใช้อย่างระมัดระวัง

ส่วนยากลุ่ม NSAID มีผลข้างเคียงที่ควรระวังดังที่กล่าวมาแล้ว

Better Choice!

คุณชลาลัยแนะนำวิธีแผนไทยว่า

“การเยียวยาอาการแก้อักเสบต้องดูเป็นกรณีไปว่าอักเสบบริเวณไหน เกิดจากอะไร และอาการรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งมีการเยียวยารักษาที่แตกต่างกันไป

“ถ้าเป็น การอักเสบที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เช่นเจ็บคอ คออักเสบ แนะนำให้กินสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ฟ้าทลายโจร โดยกินสดๆ กินแบบแคปซูล หรือนำมาคั้นน้ำแล้วผสมกับน้ำซาวข้าวซึ่งมีฤทธิ์เย็นกลั้วคอช่วยฆ่าเชื้อในลำคอและลดการอักเสบได้

ฟ้าทลายโจน

“ถ้าเป็น การอักเสบภายนอก แนะนำให้ใช้เป็นยาพอกซึ่งการพอกแต่ละที่ต้องดูว่าใช้ยาตัวไหนจึงจะเหมาะสม เช่น อักเสบจากฝี ใช้ปูนแดงพอกรอบฐานฝี จะช่วยรัดหัวฝีขึ้นมา จากนั้นใช้เม็ดต้อยติ่งแช่น้ำ (อย่าแช่ทั้งฝัก ควรใช้ฝักแก่ แกะเม็ดออก แล้วแช่เฉพาะเม็ด) พอกเพื่อดูดหนองในหัวฝีออก แล้วค่อยโรยผงขมิ้นหรือผงเปลือกมังคุด”

ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย : คุณหมอเขมภพแนะนำการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการอักเสบว่า

“ไม่ควรซื้อยากินเอง เพราะอาการอักเสบมีหลายอย่างจึงควรให้หมอสั่งจ่ายยา เพราะจะได้รักษาได้ตรงอาการและใช้ในระยะเวลาที่เหมาะสม และผู้ป่วยต้องกินยาให้ครบคอร์ส ไม่ควรหยุดกินยาเอง เพราะจะทำให้โรคไม่หายขาด เกิดอาการดื้อยา ผู้สูงอายุต้องระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาชนิดอื่นๆ ด้วย

“หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ คลื่นไส้อาเจียนให้รีบไปพบแพทย์”

จาก คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 320 (1 กุมภาพันธ์ 2555)


บทความน่าสนใจอื่นๆ

ประสบการณ์สุขภาพ รำกระบองแบบชีวจิต พิชิต ภูมิแพ้ ราบคาบ

เอาชนะ โรคภูมิแพ้จมูก ด้วยชีวจิต

4 ประสบการณ์หายภูมิแพ้ ด้วย น้ำอาร์ซี ชีวจิต