มะเร็งปากมดลูก ระยะเริ่มต้น ในผู้ป่วยอายุน้อย
เรื่องนี้บอกเล่าผ่านคอลัมน์ เปิดห้องหมอสูติ โดยแพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข เกี่ยวกับการตรวจพบ มะเร็งปากมดลูก ระยะเริ่มต้น ในเด็กหญิงวัย 16 ปี ลองมาฟังเรื่องราวจากคุณหมอกันเลยค่ะ

ผู้ป่วยวัยใส
วันนี้ในห้องผ่าตัดมีการเตรียมกล้องคอลโปสโคป (Colposcope) ไว้ให้ฉันส่องดูปากมดลูกของคนไข้ เพื่อตรวจและรักษามะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มแรก กล้องคอลโปสโคปนี้เป็นกล้องส่องขยายที่วางบนล้อเลื่อนเหมือนกล้องจุลทรรศน์ ขยายภาพได้สิบเท่าจากภาพขนาดปกติ
เมื่อผู้ป่วยมาถึง เหลียง พยาบาลผู้ช่วยผ่าตัด จัดท่าคนไข้ให้อยู่ในท่านอน ขาสองข้างพาดบนขาหยั่ง วิสัญญีแพทย์วางยาสลบฉันจึงเริ่มใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเหมือนปากเป็ดถ่างขยายช่องคลอด แล้วใช้กล้องคอลโปสโคปส่องดูปากมดลูก
“เฮ้อ เป็นมากจัง” ฉันบ่นเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูกที่กำลังจะกลายเป็นมะเร็งเป็นวงกว้าง
“คนไข้หน้าตาน่ารัก ดูอายุน้อยนะคะหมอ ไม่น่าจะเป็นมาก” เหลียงเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว คนไข้หน้าตาน่ารักดี อายุก็16 ปีเอง”
“แล้วคนไข้แต่งงานแล้วหรือคะหมอ” เหลียงถามอย่างแปลกใจ ด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกร้อยละ 99.7 เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวีจากการมีเพศสัมพันธ์
“ไม่ได้แต่ง ยังเป็นนักเรียนอยู่” ฉันตอบแค่นั้นเหลียงก็เงียบเสียงไป ฉันใช้ห่วงลวดไฟฟ้า รูปร่างเป็นด้ามถือ ปลายมี
ห่วง เตรียมตัดปากมดลูก ฉันเล็งดูปากมดลูกบริเวณที่กำลังจะเป็นมะเร็ง ซึ่งลุกลามเป็นวงกว้าง โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบหนึ่งเซนติเมตร กะว่าจะต้องตัดเนื้อเยื่อบริเวณนี้ออกให้หมด ในใจคิดถึงเรื่องราวของคนไข้
นางสาวยุพาพรตี(ชื่อสมมติ) คนนี้ แม่ของนางสาวยุพาพรตีพาเธอมาหาฉัน หน้าตาของแม่เคร่งเครียดแกมโมโห
“หมอช่วยตรวจดูหน่อยว่าลูกฉันเสียตัวหรือยัง” แม่บอกเสียงดัง
“ทำไมหรือคะคุณแม่ มีปัญหาอะไร” เมื่อฉันถามนั่นเอง แม่จึงพรั่งพรูออกมา
นางสาวยุพาพรตีเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พ่อแม่ดูแลราวไข่ในหิน ไปรับไปส่งที่โรงเรียน จึงไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่าลูกสาวมีแฟน
เช้านี้คุณครูฝ่ายปกครองเรียกพ่อแม่ไปพบ พ่อไม่ว่าง แม่จึงไปคนเดียว ไปถึงคุณครูฝ่ายปกครองแจ้งว่า “นางสาวยุพาพรตี ลูกของคุณ ประพฤติตัวไม่ดี โดดเรียนเป็นประจำ มีคนบอกครูว่า นางสาวยุพาพรตีมีแฟนเป็นเด็กนอกโรงเรียน และไม่ได้เรียนหนังสือ ครูกลัวจะท้อง จึงเรียกคุณแม่มารับทราบเพื่อหาทางป้องกัน”
แม่ของนางสาวยุพาพรตีเล่าต่อว่า “ฟังแล้วฉันรู้สึกโกรธครูมากจนเลือดปรี๊ดขึ้นหน้าเลยหมอ เขาเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ พ่อแม่มีให้ทุกอย่าง เขาไม่ประพฤติตัวอย่างที่ครูว่าแน่ ครูเอาที่ไหนมาพูดก็ไม่รู้ ฉันถามลูก ลูกก็ยืนยันว่าไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยมีแฟนอย่างที่ครูว่า ครูคนนี้เป็นสาวโสด คงอิจฉาลูกสาวฉัน จึงใส่ไฟลูก ฉันจึงพาลูกมาให้หมอตรวจหากลูกสาวบริสุทธิ์ ฉันจะฟ้องผู้อำนวยการโรงเรียนให้ไล่ครูคนนี้ออก” แม่ว่าอย่างมีอารมณ์โมโห
“ใจเย็นๆคุณแม่ เดี๋ยวหมอตรวจให้” ฉันบอกคนเป็นแม่อย่างใจเย็น

เอชพีวี ใบเบิกทางมะเร็งปากมดลูก
ผลการตรวจภายในของนางสาวยุพาพรตีไม่เป็นดั่งแม่คิด แต่เป็นดั่งคุณครูคาด เธอติดเชื้อหูดหงอนไก่ที่ช่องคลอดซึ่งเป็นเชื้อเอชพีวีชนิดหนึ่ง
ดังนั้น ฉันจึงต้องตรวจหามะเร็งปากมดลูกเพิ่มด้วย ทั้งบอกนางสาวยุพาพรตีและแม่ว่า “หนูติดเชื้อหูดหงอนไก่ในช่องคลอดจำนวนมาก แสดงว่าหนูมีเพศสัมพันธ์และไม่ได้สวมถุงยางอนามัยด้วย”
“เชื่อหนูสิ เอาหนูไปสาบานเจ็ดวัดเจ็ดวาก็ได้หนูไม่เคยมีเพศสัมพันธ์จริงๆ” นางสาวยุพาพรตีปฏิเสธ แต่ฉันไม่ได้ฟังเธอ แล้วย้ำกับแม่ว่า
“ลูกสาวคุณแม่มีเพศสัมพันธ์แล้วแน่นอน แทนที่คุณแม่จะโกรธคุณครู คุณแม่ควรไปขอบคุณคุณครูเสียด้วยซ้ำ หายากนะที่คุณครูจะสนใจเรื่องราวของเด็กนักเรียนและเตือนพ่อแม่อย่างนี้”
ไม่รู้ว่าแม่ของนางสาวยุพาพรตีฟังฉันพูดจนจบประโยคหรือไม่ เพราะผู้เป็นแม่หน้าซีดลงๆ โอนเอนจะล้ม ต้องเรียกหายาหม่องยาดมจ้าละหวั่น
หลังจากรักษาเชื้อหูดหงอนไก่ให้นางสาวยุพาพรตีแล้ว ฉันนัดเธอให้มาตรวจซ้ำอีก ซึ่งโชคดีพบว่าไม่ตั้งท้องทั้งที่ไม่ได้คุมกำเนิด แต่ก็โชคร้ายเพราะผลการตรวจมะเร็งปากมดลูกพบว่าเธอติดเชื้อเอชพีวีจากการมีเพศสัมพันธ์ ส่งผลให้เซลล์ปากมดลูกมีความผิดปกติระดับสูง (HSIL = High Grade Squamous Intraepithelial Lesion) หากทิ้งไว้จะกลายเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกเต็มขั้น จึงต้องรักษาโดยการขริบปากมดลูกออก
แม่ของนางสาวยุพาพรตียินยอมให้ฉันขริบปากมดลูกของลูกสาวโดยดี และคงปลงได้บ้างแล้ว แม่บอกว่า แม้ลูกสาวจะปากแข็ง ปฏิเสธความจริงแต่ก็มีหลักฐานว่าเธอมีเพศสัมพันธ์จริงจากการติดเชื้อเอชพีวีเพราะร่างกายไม่แข็งแรง
ฉันหยุดคิดเรื่องนางสาวยุพาพรตี แล้วใช้ลวดไฟฟ้าค่อยๆขริบปากมดลูกออก ปากมดลูกที่ถูกขริบออกมาเป็นรูปวงกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสองเซนติเมตรครึ่ง หนาหนึ่งเซนติเมตร ฉันต้องส่งชิ้นเนื้อปากมดลูกไปตรวจ เพื่อดูว่าได้ผ่าตัดเอาเซลล์ผิดปกติออกได้หมดไหม หากเอารอยโรคออกได้หมด นางสาวยุพาพรตีก็จะหาย ไม่กลายเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก
แต่จะหายขาดหรือไม่ มีข้อแม้ว่า…นางสาวยุพาพรตีต้องไม่รับเชื้อเอชพีวีมาอีก เธอต้องยุติพฤติกรรมเสี่ยงที่เคยทำมา คือเลิกมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยกับชายที่มีเชื้อเอชพีวี จึงจะมีโอกาสหายขาด
นับเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้เป็นพ่อแม่ที่มีลูกสาวอยู่ในวัยรุ่น เรื่องเพศสัมพันธ์อาจไม่สิ่งที่จะห้ามปรามได้โดยเด็ดขาด แต่การให้ความรู้เรื่องการป้องกันหรือสอนให้ตระหนักถึงโรคภัยและผลที่ตามมาอย่างมีเหตุมีผล อาจช่วยป้องกันไม่ให้บุตรหลานตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อโรคร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจได้ค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อายุเยอะก็ควรไปตรวจหาความเสี่ยงโรค มะเร็งปากมดลูก
ผู้หญิงต้องรู้จักและเข้าใจไวรัสเอชพีวี ป้องกันมะเร็งปากมดลูก