ใครที่มีโอกาส ตาเสื่อม ก่อนคนอื่น
วันนี้ อาจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนบำบัดและโภชนาการสำหรับนักกีฬา คอลัมนิสต์ประจำนิตยสารชีวจิต มาแนะนำว่า ใครบ้าง ที่มีโอกาส ตาเสื่อม ก่อนวัยอันควร ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ พฤติกรรม โรคประจำตัวต่างๆ มาดูกันเลยค่ะ
รู้จัก 5 กลุ่มเสี่ยงที่ส่งผลต่อสายตา
กลุ่มผู้ป่วยโรคโลหิตจาง
เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้มีภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ระบบการทำงานของหลอดเลือดไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบดวงตา ผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงควรเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก ( Folic Acid ) ซึ่งอยู่ในกลุ่มวิตามินบี เพื่อสร้างความแข็งแรงให้เส้นเลือดและเสริมภูมิคุ้มกันระบบกล้ามเนื้อไม่ให้เกิดความเสียหาย
กลุ่มคนหลีกเลี่ยงโปรตีนจากสัตว์
คนกลุ่มนี้มักมีความเสี่ยงต่อระบบกล้ามเนื้อรอบดวงตาเสื่อมสภาพก่อนคนทั่วไปเช่นกัน เพราะร่างกายขาดโปรตีนสำคัญเพื่อเข้าไปซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
กลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจ
เพราะผู้ที่เป็นโรคหัวใจจะมีการไหลเวียนเลือดไม่ดี ทำให้การส่งเลือดไปเลี้ยงหัวใจและกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ไม่สมดุล ส่งผลให้กล้ามเนื้อขาดความแข็งแรง รวมถึงกล้ามเนื้อรอบดวงตาด้วย
กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ส่วนใหญ่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจะมีอาการความดันโลหิตสูงประกอบด้วยเสมอ จึงกระทบต่อความดันในดวงตา และส่งผลให้เกิดภาวะสายตายาวก่อนวัยได้เร็วกว่าคนทั่วไป
กลุ่มผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน (Autoimmune Disease)
ที่เรียกว่า ภูมิไวหรือภูมิเพี้ยน ส่งผลให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานบกพร่อง ทำให้สายตายาวเร็วกว่าคนทั่วไปได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสื่อมที่เกิดจากพฤติกรรมอีกด้วย มาดูกันค่ะ
5 ไลฟ์สไตล์ทำร้ายดวงตา
ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ส่งผลให้สมองและระบบประสาทเสื่อมง่าย ทำให้เส้นประสาทรอบดวงตาเสื่อมก่อนวัย
พฤติกรรมติดจอ
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ หากมากเกินไป ทำให้เสียสายตาเกิดอาการอ่อนล้า นอกจากนี้ แสงสีฟ้า (Blue Light) จากจอก็ทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้
กินยาต้านเครียด ซึมเศร้า และยาขับปัสสาวะ
เพราะยากลุ่มนี้ส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า ระยะสายตายาวขึ้นเพราะสายตาโฟกัสได้ไม่ดี
คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคตา
เช่น โรคต้อหิน โรคต้อกระจก เป็นต้น
ใช้ตัวช่วยเพิ่มความสวยให้ดวงตา
เช่น เทปกาวติดตาสองชั้น คอนเท็กต์เลนส์ โดยอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อใช้เป็นระยะเวลานานจะส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อรอบดวงตาทำให้เพ่งมากเกินไป การกะระยะผิดพลาด เพราะฉะนั้นหมอแนะนำว่าไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
(ข้อมูลจากคอลัมน์ Anti-Aging นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 509)