
ตรอก (หมอ) กวาดยา
ถึงแม้ว่าความเจริญทางการแพทย์รุดหน้า แต่หารู้ไม่ว่าในเมืองหลวง ที่เบียดเสียดด้วยคอนโดหรูหรามากมาย ย่านเจริญกรุง ยังมีตรอกเล็กๆ ที่ชื่อว่าตรอกหมอ (ปัจจุบันคือซอยเจริญกรุง 83) ตรอกซึ่งผู้คนแถวนี้ยังคุ้นชินตา และเข้าออกกันอย่างขวักไขว่
ตรอกหมอเป็นซอยตันที่มีเพียงบ้านของหมอแดง ซึ่งเป็นบ้านไม้ขนาดเล็ก สถาปัตยกรรมแบบไทยโบราณ ที่ถูกปรับปรุงให้เป็นคลินิกแผนไทย ต้อนรับการหลั่งไหลของคนไข้ที่มารักษาเยียวยาอาการให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ มามากกว่า 10 ทศวรรษ
แพทย์ไทยปัทมภัณฑ์ นรินทรากูร ณ อยุธยา หรือที่เรียกว่าหมอแดง เจ้าของคลินิกแพทย์แผนไทยหรือเรียกกันติดปากว่าคลินิกหมอมา(เป็นคุณตาของหมอแดง) คุณหมอผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการกวาดยา ที่มีเด็กน้อยมากกว่าหลายร้อยคนผ่านการกวาดคอด้วยมือของคุณหมอมาแล้ว
คุณหมอแดงเล่าให้เราฟังว่า “เด็กส่วนมากที่พ่อแม่จะพามากวาดยา จะมาด้วยอาการท้องขึ้น ตัวร้อน ไอ มีน้ำมูก เสมหะ เบื่ออาหาร ไม่กินนม ร้องไห้งอแง เกิดความทุกข์ทรมานทั้งเด็กเละพ่อแม่เอง การกวาดยาจึงเป็นรูปแบบหนึ่งในการรักษาที่ตอบโจทย์ ซึ่งจะให้ผลการรักษาที่เร็ว กล่าวคือตัวยาในตำรับจะเข้าไปช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น และการกวาดยายังเป็นการทำความสะอาดลำคอ ทำให้เวลากินอาหารแล้วมีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อกวาดยาแล้วเด็กจะอ้วกออกมา เป็นการชะล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย อย่างเช่นเสลด หรือเสมหะ เป็นต้น”
แต่ด้วยธรรมชาติของเด็กที่อยู่ไม่นิ่ง กอปรกับความเจ็บป่วยทรมาณของเด็ก ที่ร้องไห้งอแง ดังนั้นสิ่งสำคัญของหมอกวาดยาคือจิตวิทยาที่จะให้เด็กยอมกวาดยาอย่างราบรื่น
“ การกวาดยาในเด็ก สิ่งสำคัญที่หมอกวาดยาจะต้องมี คือเทคนิคการหลอกล่อให้เด็กยอมจำนน และรู้จักป้องกันตัวจากการกัดนิ้วของเด็ก ดังนั้นการกวาดต้องใช้เวลาให้เร็วที่สุด ล็อคตัวเด็กให้แน่นโดยอาศัยความร่วมมือของพ่อแม่เด็ก แล้วใช้นิ้วกวาดเข้าไปตรงโคนลิ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นการพูดจาหยอกหล้อ เอาของเล่น และลูกอมที่เด็กชอบมาอวดเพื่อดึงดูดความสนใจ ก็จะทำให้ง่ายในการใช้นิ้วล้วงไปในคอได้เช่นกัน”
ใช่ว่าเด็กคนไหนที่มาพบหมอแดงจะกวาดยากันได้ทุกคน การไถ่ถามอาการอย่างเป็นกันเองที่คุ้นชินแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งมีความแตกต่างจากการไปโรงพยาบาลแผนปัจจุบัน ยังถือว่าเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งที่คนไข้ให้การยอมรับ
“หมอต้องสอบถามอาการก่อนว่าเป็นอย่างไร จากนั้นก็จะให้เด็กอ้าปากดูก่อน ว่ามีแผลในปากหรือไม่ คอแดง มีเสลดหรือเสมะหรือเปล่า หลังจากนั้นเราก็จะมาวางแผนการรักษากัน คือถ้ามีแผลร้อนในในปาก จะกวาดยาไม่ได้แต่จะให้เป็นยาป้ายแทน หรือในกรณีที่คอแดง เจ็บคอ ก็จะใช้หลอดกาแฟเป่ายาเข้าไปในลำคอแทนการกวาดคอ ”
สำหรับยาที่ใช้ในการกวาดนั้นจะเป็นตำรับที่ตกทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ(รุ่นหมอมา) และใช้กันมาอย่างยาวนานหลายรุ่น
“ไม่ว่าคนไข้เป็นโรคอะไร คุณตาก็จะจัดยารักษาโรคให้จนหายเป็นปกติ เรียกกันติดปากว่า ยาขอหมอวาน ตำรับที่ใช้กวาดยาเรียกว่า ตำรับแดงกวาด ไม่ใช่ตำรับชื่อของหมอนะ แต่จะเป็นสีของยาเมื่อผสมเสร็จแล้ว ซึ่งจะมีรสขมเย็นๆ
สำหรับขั้นตอนในการเตรียมยานั้น คือ นำยามา 3 เม็ด เอาเกลือโรยเล็กน้อย และหัวหอมแดง 1- 2 แว่น แล้วใช้น้ำต้มสุก เหล้า หรือน้ำมะนาวเป็นน้ำกระสายยา แช่ไว้ประมาณ 10-20 นาที ใช้ครกหรือช้อนบี้ จนเป็นครีม ป้ายลงนิ้วมือ แล้วกวาดคอ” คุณหมอกล่าว
อย่างไรก็ตามนอกจากคุณหมอเป็นคนกวาดยาให้แล้วนั้น พ่อแม่สามารถซื้อยากลับไปกวาดให้ลูกเองได้ แต่คุณต้องมีความชำนาญมากพอ ถึงแม้การกวาดยาจะนิยมมากในเด็ก แต่สำหรับผู้ใหญ่ก็สามารถกวาดได้เหมือนกัน หมอแดงกล่าวทิ้งท้าย
ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ขอแนะนำเหมือนกัน เพราะการกวาดยานั้นต้องอาศัยความรู้ความชำนาญในการกวาด เพราะมิเช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กเกิดอาการสำลัก และไปอุดกั้นทางเดินหายใจได้ ฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์แผนไทยจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
นอกจากยาที่เป็นตำรับเฉพาะรายแล้ว ในบัญชียาหลักแห่งชาติก็ยังมี ตำรับยามหานิลแท่งทอง ที่แพทย์แผนไทยนำมากวาดคอในเด็กได้เหมือนกัน ซึ่งประกอบไปด้วย
เนื้อในสะบ้ามอญ(สุม) หวายตะค้า(สุม) เมล็ดมะกอก(สุม) ลูกมะคำดีควาย (สุม) ถ่านไม้สัก แก่จันทน์แดง แก่นจันทน์เทศ ใบพิมเสน ใบย่านาง หมึกหอม และเบี้ยจั่นคั่ว
ตัวยาที่ได้จะมีลักษณะสีดำ ก่อนจะนำมากวาดคอนั้นต้องน้ำมาบดให้ละเอียด บีบน้ำมะนาว และหยดน้ำผึ้งผสม แทรกเกลือนิดหน่อย ก็จะได้รสชาติดีทีเดียว (หวานอมเปรี้ยว เค็มเล็กน้อย)