Day 7
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของแผนลดอ้วน ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร ตลอดจนตารางการนอนหัวค่ำ ทั้งหมดนี้กำลังจะกลายเป็นนิสัยใหม่ ซึ่งแน่นอนว่ามาจากการจัดระเบียบกิจวัตรประจำวันได้อย่างลงตัวตั้งแต่เช้าจรดเย็น
ทว่าในวันนี้กลับต้องรับบททดสอบจิตใจอันหนักหน่วง เมื่อที่บ้านมีงานบุญ กองทัพกับข้าวและขนมหวานจากบ้านใกล้เรือนเคียงทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย
ตั้งแต่เช้าจึงไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากยุ่งขิงอยู่กับอาหารเลี้ยงพระ เลี้ยงแขก อาหารสารพัดชนิดจึงวางอยู่ละลานตาทั่วบ้านหลังพระฉันเสร็จ พี่ๆ น้องๆ ร่วมวงกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยพูดคุยกันสนุกสนาน
เราเองสนุกปากกับการเมาท์ แต่กลับไม่สนุกปากกับการกินเหมือนเมื่อก่อน…แปลกจัง…
ความอยากอาหารแบบไม่สมเหตุสมผล เช่น กินอย่างสนุกปากทั้งที่ท้องอิ่มเช่นในอดีต หายไปเองโดยอัตโนมัติ ไม่รู้สึกว่าต้องบังคับตัวเองเลย
นี่เราทำได้อย่างไรกัน โปรแกรมตลอด 7 วันเปลี่ยนแปลงเราได้อย่างไร
ว่าแล้วจึงยกหูหา นายแพทย์สมสินธุ์ ฉายวิจิตร แพทย์ประจำชีวจิตโฮม คุณหมออธิบายให้ฟังว่า
“การที่สามารถควบคุมความอยากได้ดีขึ้นนั้น เกิดจากการเจริญสติหรือการทำสมาธิ จากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกายด้วยการเดินอย่างมีสติตลอดจนโยคะหรือการมีสติกับชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่องทุกๆ วัน จะช่วยทำให้สมองส่วนหน้าที่เรียกว่า prefrontal area ซึ่งเป็นสมองที่เรียกว่าเป็นศูนย์ของเหตุผล หนาตัวขึ้น ทำให้ทำงานได้ดีขึ้น
“กล่าวคือ เมื่อมีอะไรมากระตุ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างเช่น รูป รสอาหาร ร่างกายจะส่งกระแสเข้ามายังสมองส่วนกลางซึ่งเรียกว่าเป็นศูนย์อารมณ์ หรือสมองส่วนอะมิกดาลา (Amygdala) ที่มีรูปร่างคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ อะมิกดาลาจะสัมพันธ์กับสัญชาตญาณเช่น เห็นอาหารน่ากินก็กินโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ
“เมื่อสมองส่วนหน้าหนาตัวขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น จะเกิดการหลั่งสารไปยับยั้งอะมิกดาลา เราจึงสามารถบอกตัวเองได้ว่า เราจะกินอย่างมีเหตุผล เช่น ต้องกินแบบพออิ่ม
“การที่สมองส่วนหน้าทำงานได้ดีขึ้นนี้ ยังมีการศึกษาพบว่า ช่วยให้มีสติรู้ตัว เกิดการยั้งคิด คิดก่อนทำ รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ทางเลือกได้ดีขึ้น แล้วสามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นวิธีการได้ด้วย”
ก่อนวางสาย คุณหมอให้กำลังใจและเตือนว่า
“อย่างไรก็ตาม กิเลสจากอาหารการกินก็ทำให้เราออกนอกลู่นอกทางได้เสมอ ดังนั้นต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จึงจะลดน้ำหนักได้สำเร็จซึ่งเป้าหมายสูงสุดก็เพื่อการมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์”
ฟังแล้วก็แอบไชโยอยู่ในใจลึกๆ ว่า นอกจากร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีกำลังใจขึ้นเป็นกอง เพราะเราพบเคล็ดลับของการลดน้ำหนักที่อาจเรียกได้ว่าเป็นความลับที่ใครๆ ใฝ่ฝันอยากไปให้ถึง นั่นคือการปิดประตูความอยากได้สำเร็จ
ส่งท้ายด้วยการขึ้นเครื่องชั่งน้ำหนัก น้ำหนักลดลงอีก 1 กิโลกรัม…ยิ้มแก้มแทบปริ
จากคอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 324
บทความน่าสนใจอื่นๆ
