Day 2
กินอาหารชีวจิตทุกมื้อมาได้ 2 วันแล้ว ไม่มีอาการอ่อนระโหยโรยแรงอย่างที่เคยมีคนกลัวๆ กัน ตรงกันข้าม กลับรู้สึกสบายตัวและสดชื่นขึ้นด้วย
เรื่องอาหาร ที่ทำอย่างเคร่งครัดที่สุดคือ ลดปริมาณอาหารกลุ่มข้าวแป้งลง จากเดิมที่กินข้าวกล้องบ้าง ข้าวขาวบ้าง ก็เปลี่ยนมากิน ข้าวกล้องทุกมื้อ โดยกินตามสูตรที่ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง แนะนำ
สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักคือ ข้าวไม่ขัดขาว 30 เปอร์เซ็นต์ของอาหารหนึ่งมื้อ ใช้วิธีกะง่ายๆ คือ ให้กินน้อยลงกว่าเดิมนิดหน่อย
ด้วยคุณสมบัติพิเศษของข้าวกล้องซึ่งมีใยอาหารมาก ทั้งในส่วนที่หุ้มเมล็ดข้าวและจมูกข้าวที่ยังอยู่ครบ ทำให้กินข้าวได้ในปริมาณน้อยกว่าข้าวขาว แต่ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้นและอยู่ท้องนานกว่า แถมยังช่วยในการเผาผลาญและขับถ่ายได้ดีด้วย
วันนี้ซื้อเส้นข้าวกล้องกับวุ้นเส้นไม่ขัดขาวมาสำรองไว้อีก เผื่อว่าอยากเปลี่ยนเป็นอาหารอย่างอื่นนอกเหนือจากข้าวบ้าง
เรื่องผักก็สำคัญไม่เบา แม้จะกินผักผลไม้ได้ทุกชนิด แต่ปกติมักไม่จดจ่อเรื่องการกินให้หลากหลาย หรือเรื่องปริมาณในแต่ละวันสองวันมานี้ จึงพยายามให้ตัวเองกินผักทุกมื้อและมากขึ้น ตามสัดส่วนที่อาจารย์สาทิสแนะนำไว้อีกเช่นกัน คือประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ เป็นผักสดและผักสุกอย่างละครึ่ง
กินแล้วรู้สึกได้ว่าเบาสบายท้องขึ้น ที่มหัศจรรย์มากๆ คือ หลังจากมื้ออาหารไม่นาน หน้าท้องจะยุบเร็ว ไม่รู้สึกแน่นตื้อจนท้องป่องอีกเลย มาถึงตรงนี้ยืนยันสิ่งที่รู้มาว่า ผักช่วยระบบย่อยและเผาผลาญ

อาหารได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
สองวันมานี้เลือกกินผักประเภทมากวิตามิน หลักการเลือกง่ายๆ ก็คือ ผักกลุ่มที่มีสีสดๆ ทั้งหลาย เพราะมีสารพฤกษเคมีหรือไฟโตเคมิคัลและวิตามินอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม เพราะฉะนั้นเกือบทุกเมนู จึงเลือกกินผักสีเขียวสดมากกว่าอย่างอื่น โดยเฉพาะคะน้ากับบรอกโคลี (แต่แอบตั้งใจว่าต่อไปจะกินให้หลากหลายกว่านี้)
ส่วนผลไม้สดและต้องเป็นผลไม้รสไม่หวานจัด อาจารย์สาทิส แนะนำให้กิน 10 เปอร์เซ็นต์ของมื้ออาหาร แอ๊ปเปิ้ล สาลี่ และมะม่วงมันจึงค่อยๆ ทยอยลงกระเพาะอาหารปิดท้ายมื้อต่างๆ และเวลาหิวระหว่างมื้อ เพื่อให้ร่างกายได้ใยอาหารทั้งที่ละลายน้ำได้ เพื่อช่วยดูดซับไขมัน ลดระดับคอเลสเตอรอล
ป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และทำให้รู้สึกอิ่ม พร้อมทั้งใยอาหารที่ละลายน้ำไม่ได้ เพื่อช่วยเรื่องการขับถ่าย
ต้องไม่ลืมว่า พืชบางชนิดในกลุ่มผักก็กินมากไม่ได้เพราะให้พลังงานสูงไม่ต่างจากการกินข้าว เช่น ฟักทอง มันเทศ มันฝรั่ง เผือก หรือข้าวโพด อาจารย์สาทิส จัดพืชผักกลุ่มนี้อยู่ในกลุ่มแป้งชนิดคอมเพล็กซ์คาร์โบไฮเดรต คือเป็นแป้งหลายชั้นซึ่งมีโปรตีนปนอยู่ด้วย
สำหรับโปรตีน อาจารย์สาทิสแนะนำให้กินโปรตีนจากพืชหรือปลาและอาหารทะเล 25 เปอร์เซ็นต์หรือของมื้อนั้นๆ กำหนดไว้ด้วยว่า กินได้เป็นครั้งคราว คือ สัปดาห์ละ 1 - 2 มื้อ สองวันมานี้จึงกินปลา เห็ด และน้ำเต้าหู้เป็นหลัก นับเป็นโปรตีนคุณภาพดี ย่อยง่าย และมีไขมันน้อย ตอบโจทย์การลดน้ำหนักได้อย่างดี

การควบคุมอาหารนั้นวินัยเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่ควรบังคับตัวเองมากเกินไป จึงไม่จำเป็นต้องตั้งหน้าตั้งตากินโปรตีนจากพืชเป็นหลักอย่างเพื่อนๆ ทำกันในช่วงลดน้ำหนักจนทำให้รู้สึกทรมาน กินข้าวไม่อร่อย
ยังคงกินกุ้ง หอย ปู ปลา เหมือนเดิม แต่ลดปริมาณลงและเพิ่มโปรตีนจากพืชมากขึ้นในสัดส่วนที่เหมาะสม คือต้องฉลาดเลือก ฉลาดในการคำนวณสัดส่วนให้พอเหมาะพอควร แล้วค่อยๆ หาความสมดุลให้ตัวเอง
วันนี้สปอนเซอร์ใจดีนำขนมมาให้มากมายและวางอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงาน เป็นขนมหวานไทยๆ ชิ้นเล็กๆ พอดีคำ สีสันสดใสน่ารัก เป็นเมื่อก่อนคงหยิบเข้าปากอย่างไม่ต้องสงสัย วันนี้แค่รู้สึกว่าน่ากิน แต่ไม่อยากกินแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมควบคุมความอยากอาหารได้ดีขึ้นมากขนาดนี้
หันไป มองผ่านเลยเครื่องชั่งน้ำหนักไป คงยังลดลงได้ไม่มากหรอก จริงไหม