ต้อ

3 ต้อ ! ต้อกระจก – ต้อลม – ต้อเนื้อ โรคร้ายจากแสงยูวี

3 ต้อ ! ต้อกระจก – ต้อลม – ต้อเนื้อ โรคร้ายจากแสงยูวี

คุณทราบกันหรือไม่ว่า นอกจากการรับรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้เกิดโรค ต้อ ชนิดต่าง ๆ แล้ว การรับรังสียูวีในคราวเดียวก็ส่งผลร้ายต่อดวงตาด้วย โดยหากรับรังสียูวีต่อเนื่อง 6 – 10 ชั่วโมง จะทำให้เกิดแผลเล็ก ๆ ที่กระจกตาทำให้ตามัว และมีอาการปวดตามาก รวมถึงน้ำตาไหล ซึ่งอาการดังกล่าวมักพบในกลุ่มผู้เล่นสกี หรือทำงานเชื่อมโลหะโดยไม่สวมแว่นตาสำหรับป้องกันแสงยูวีโดยเฉพาะ

ข้อมูลจากบทความเรื่อง “โทษของแสงยูวีต่อดวงตา” ของ ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสกาวรัตน์ คุณาวิศรุต ในหนังสือ ตาดีได้ ตาร้ายไม่เสีย สรุปว่า หากคุณเข้าข่ายเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ดวงตาของคุณก็มีความเสี่ยงจะได้รับอันตรายจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (Ultraviolet) มากกว่าคนทั่วไปแล้ว

โดยกล่าวถึงผลร้ายที่ดวงตาต้องเผชิญจากการรับรังสียูวีว่า เนื่องจากรังสียูวีซึ่งเป็นรังสีคลื่นสั้นที่มีความเข้มข้นสูง เมื่อเนื้อเยื่อในร่างกายดูดซึมรังสียูวีเข้าไป จะทำให้โมเลกุลในเซลล์ถูกทำลายและเกิดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น รวมถึงอาจนำไปสู่การเกิดโรคต้อชนิดต่าง ๆ ในดวงตาอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้การประกอบอาชีพที่ต้องอยู่กลางแจ้งหรือทำงานในที่สูง เช่น นักบินหรือนักไต่เขา รวมถึงทำงานใกล้อุปกรณ์ที่ก่อรังสียูวี ทำให้ดวงตามีโอกาสรับรังสียูวีมากกว่าปกติ

นอกจากนี้กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวที่ผิวหนังไวต่อรังสียูวีจากแสงแดด หรือผู้เป็นโรคจอตาเสื่อมซึ่งเซลล์การมองเห็นในดวงตาจะเสื่อมเร็วขึ้นเมื่อได้รับรังสียูวี อีกทั้งผู้ที่ใช้ยาในกลุ่มโฟโตเซนซิไทเซอร์ (Photosensitizer) ยากลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) หรือยาเตตราไซคลีน (Tetracycline) ซึ่งตัวยามักเข้าไปจับอยู่ที่เลนส์ตาและดูดแสงยูวีเพิ่มขึ้น ล้วนเป็นผู้มีความเสี่ยงทั้งสิ้น

โดยโรคดวงตาที่มีผลมาจากรังสียูวีมีดังนี้

  1. ต้อกระจก
    คุณหมอสกาวรัตน์อธิบายว่า “ต้อกระจก” เกิดจากการรับแสงยูวีสะสมต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาการคือ มีฝ้าขาวอมเหลืองที่เกิดจากโปรตีนชั้นกลางของเลนส์ตาเปลี่ยนสภาพไป และลุกลามเข้าสู่กึ่งกลางเลนส์ตาทำให้ตามัวลง
  2. ต้อเนื้อและต้อลม
    คุณหมอสกาวรัตน์อธิบายว่า เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดที่มีรังสียูวีเป็นประจำ อาจทำให้เกิดความเสื่อมที่เยื่อบุตา เกิดเป็นตุ่มสีเหลืองบริเวณใกล้ตาดำ เรียกว่า “ต้อลม” ซึ่งต่อมาเมื่อเยื่อบุตาถูกสิ่งระคายเคือง เช่น ลม ฝุ่นละออง รวมถึงแสงแดดจ้าที่มีรังสียูวีซ้ำ ตุ่มสีเหลืองดังกล่าวจะลุกลามกลายเป็นเนื้อยื่นเข้าไปในตาดำ เรียกว่า “ต้อเนื้อ” นั่นเอง


CHECKLIST!

  • คุณอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้ง หรือมีอาชีพเป็นนักบินหรือนักไต่เขา และไม่สวมแว่นตาที่ป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดเป็นประจำ
  • คุณทำงานใกล้เครื่องมือที่ก่อรังสียูวี เช่น เครื่องฆ่าเชื้อโรคในโรงพยาบาล ตะเกียงปรอท หลอดไส้ หรือเครื่องเลเซอร์ต่าง ๆ
  • คุณมีโรคประจำตัวที่ผิวหนังไวต่อรังสียูวีในแสงแดด หรือเป็นโรคจอตาเสื่อม (Retinitis Pigmentosa)
  • คุณใช้ยาในกลุ่มโฟโตเซนซิไทเซอร์ (Photosensitizer) ยากลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) หรือยาเตตราไซคลีน (Tetracycline) เป็นประจำ

วิธีเลือกแว่นกันแดดป้องกันโรคต้อ

สำหรับการปกป้องดวงตาจากรังสียูวี คุณหมอจุฑาไลแนะนำว่า ก่อนออกแดดทุกครั้งควรสวมหมวกหรือแว่นตากันแดดเพื่อป้องกันแสง ก็จะสามารถลดความรุนแรงของรังสียูวีที่มีผลต่อดวงตาได้

เนื่องจาก “แว่นตากันแดด” มีความจำเป็นในการปกป้องดวงตาจากรังสียูวี วันนี้จึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกแว่นตากันแดดเพื่อปกป้องสายตาจากแสงยูวี จากบทความของ นายแพทย์ธีรวีร์ หงษ์หยก ในหนังสือ ตาดีได้ ตาร้ายไม่เสีย มาฝากดังนี้ค่ะ

  1. เลนส์ ควรเลือกเลนส์ที่มีความสามารถในการป้องกันรังสียูวีสูงสุด นอกจากนี้ไม่แนะนำให้ใช้แว่นกันแดดที่มีการฉาบแต่งสี แต่ไม่มีการป้องกันรังสียูวี เนื่องจากแว่นลักษณะดังกล่าวจะยิ่งทำให้รูม่านตาขยายและทำให้รังสียูวีเข้าสู่ดวงตาได้มากขึ้นอีกด้วย
  2. กรอบแว่น ควรเลือกกรอบแว่นที่มีความกว้างของเลนส์มาก เนื่องจากสามารถกันแสงได้มากกว่าแว่นกันแดดขนาดเล็ก ซึ่งอาจมีแสงเล็ดลอดผ่านด้านบนและล่างของกรอบแว่นเข้าสู่ดวงตาได้ นอกจากนี้ควรเลือกกรอบแว่นที่มีความแข็งแรง เพื่อจะช่วยปกป้องดวงตาจากอุบัติเหตุที่มีวัตถุกระแทกดวงตาได้
  3. ความรู้สึกสบาย ควรสวมแว่นที่ใส่สบายและรู้สึกชื่นชอบ เพื่อทำให้รู้สึกอยากสวมใส่ทุกครั้งที่ออกแดด
  4. ปรับแต่งให้เหมาะสมกับค่าสายตาของผู้สวมใส่ เนื่องจากบางคนมีปัญหาสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง แว่นกันแดดก็ควรปรับแต่งค่าสายตาตามผู้สวมใส่ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ
  5. มีความสามารถในการลดหรือตัดแสง แว่นดังกล่าวมีเลนส์พิเศษที่เรียกว่า เลนส์โพลาไรซ์ (Polarized Lens) ที่สามารถลดแสงสะท้อนแนวราบที่รบกวนสายตา เช่น แสงสะท้อนจากผิวน้ำ พื้นถนน กระจกรถคันที่สวนมาได้
สลัด, กรีกสลัด, Feta, อาหาร, แผ่น

10 อาหารปกป้องดวงตาจากแสงแดด

นอกจากอาหาร 5 กลุ่มที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของดวงตา ซึ่งได้กล่าวไปข้างต้น คุณศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารวิชาชีพ ได้เขียนไว้ในหนังสือ อาหารบำบัดโรค (ฉบับปรับปรุง) ว่าอาหารแคโรทีนอยด์ที่มี “ ลูทีนและซีแซนทิน” ปริมาณมาก สามารถช่วย
ปกป้องจุดรับภาพและจอประสาทตาจากรังสียูวีในแสงแดด อีกทั้งช่วยกรองแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นตัวการทำลายเซลล์จอประสาทตาอีกด้วย

โดย 10 อันดับของอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทิน มีดังนี้

ผัก/ผลไม้ ปริมาณลูทีนและซีแซนทิน (มิลลิกรัม)
คะน้าสุก 1/2 ถ้วย10.3
ผักโขมดิบ 1/2 ถ้วย6.7
ผักโขมสุก 1/2 ถ้วย 6.3
ข้าวโพดเหลืองสุก 1 ฝัก 2.3
บรอกโคลีสุก 1/2 ถ้วยตวง 1.7
บรอกโคลีดิบ 1/2 ถ้วยตวง 1.1
เมล็ดถั่วลันเตากระป๋อง 1/2 ถ้วย1.1
ผักแขนงสุก 1/2 ถ้วยตวง1.0
ข้าวโพดกระป๋อง 1/2 ถ้วยตวง 0.7
ส้ม 1 ผลกลาง 0.2

เรื่อง ศุภรา ภาพ iStock เขียนลงเว็บ เนื้อทอง ทรงสละบุญ

ชีวจิต 458 นิตยสารรายปักษ์ ปีที่ 20 : 1 พฤศจิกายน 2560

– – –  – – – – –  – – – – –  – – – –  – – – –  – – –  – – –  – – –  – – –  – –  – –

บทความน่าสนใจอื่นๆ

เช็ก 7 สัญญาณ ชี้ ปัญหาดวงตา ที่คุณควรทำอะไรสักอย่างก่อนจะแย่กว่านี้

วิธีป้องกัน ดวงตาแห้ง ปัญหาสุขภาพตา ที่มากับหน้าหนาว

รู้หรือไม่ “แสงแดด” ทำร้ายดวงตาได้มากกว่าที่คุณคิด

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.