ท้องผูก แน่นท้อง โพรไบโอติกช่วยได้จริงหรือ
หลายคนคงรู้แล้วว่าจุลินทรีย์โพรไบโอติกมีอยู่ในอาหารอะไรบ้าง ใครๆก็บอกว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ และอยากรู้ไหม ว่าเรากินเพื่ออะไร คนที่ชอบ ท้องผูก แน่นท้อง ห้ามพลาดข้อมูลที่เรากำลังจะอธิบายเลยค่ะ
ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ที่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ช่วยเราได้
ระบบทางเดินอาหารหรือระบบย่อยอาหารเป็นระบบที่สำคัญระบบหนึ่งในร่างกายที่ต้องทำงานหนักตลอดชีวิตเรา หากประกอบกับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การกิน และการดูแลตัวเองที่ไม่สมดุล ก็อาจเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคกระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวน ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด เป็นต้น
ดร.แกรี่ บี. ฮัฟฟ์นาเกิล และซาร่าห์ เวอร์นิก กล่าวไว้ในหนังสือ The Probiotics Revolution ว่า “โรคระบบทางเดินอาหารมักพบว่าเป็นปัญหาหลักของชาวตะวันตกที่ทำให้สูญเสียค่าใช้จ่าย ค่ารักษาอาการปีละไม่น้อย แต่การใช้ยารักษาโรคอาจไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีนัก หนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาระบบการย่อยและสุขภาพของร่างกายให้เป็นปกติได้คือ การใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หรือโพรไบโอติกนั่นเอง”
โดยผลของโพรไบโอติกที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพท้องของเรานั้นมีมากมาย ดังนี้
ลดภาวะไม่ทนต่อเอนไซม์แล็กโตส
อาจารย์ดร.ชลัท ศานติวรางคณา อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายถึงคุณประโยชน์ข้อนี้ของโพรไบโอติกว่า
“เนื่องจากประชากรโลกส่วนใหญ่มีปริมาณของน้ำย่อยหรือเอนไซม์แล็กโตส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ย่อยน้ำตาลแล็กโตสต่ำ จึงทำให้น้ำตาลแล็กโตสไม่สามารถย่อยในทางเดินอาหาร
“ดังนั้นคนที่ดื่มนมแล้วเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดินหรือปวดท้อง โพรไบโอติกในอาหารหมัก เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต สามารถผลิตน้ำย่อยเพื่อช่วยย่อยแล็กโตสในนมไปแล้วในระหว่างการหมัก จึงทำให้มีแล็กโตสเหลือน้อยหรือไม่มีเลย ซึ่งคุณสมบัตินี้เป็นผลต่อสุขภาพที่สำคัญของโพรไบโอติก”
ลดอาการท้องผูก
ในรายที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง มีหลักฐานการวิจัยทางคลินิกพบว่า การใช้โพรไบโอติกจะช่วยปรับความสมดุลของลำไส้ใหญ่ ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น เนื่องจากกรดอินทรีย์ที่จุลินทรีย์ไบฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria) ผลิตขึ้นจะกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่และช่วยเพิ่มความชื้นของอุจจาระ ทำให้สามารถขับถ่ายได้สะดวกขึ้น
นอกจากนี้ข้อมูลจาก ภาควิชาเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า มีการศึกษาแบบสุ่มที่มีการควบคุม 5 การศึกษา ในอาสาสมัครทั้งหมด 377 คน โดยเป็นการศึกษาในผู้ใหญ่ 3 การศึกษา และเป็นการศึกษาในเด็ก 2 การศึกษา พบว่า การใช้โพรไบโอติกมีผลต่อความถี่ในการถ่ายอุจจาระและลักษณะของอุจจาระเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า โพรไบโอติกมีส่วนช่วยอาการท้องผูกทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
บำบัดโรคลำไส้แปรปรวน
จากการทดลองทางคลินิกซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร Gastroenterology ค้นพบว่า โพรไบโอติกบางชนิดสามารถลดอาการของโรคลำไส้แปรปรวนได้ ยกตัวอย่างเช่น นักวิจัยชาวไอร์แลนด์รับสมัครผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนจำนวน 77 คน เพื่อประมวลผลการใช้โพรไบโอติก
2 สายพันธุ์ในการบำบัดโรคนี้ โดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกได้รับโพรไบโอติกชนิดแล็กโตบาซิลลัส ซาลิวาเรียสยูซีซี4331 เป็นประจำทุกวันโดยผสมในนมมอลต์ให้ดื่ม
กลุ่มที่ 2 ได้ดื่มนมแบบเดียวกันแต่ผสมโพรไบโอติกต่างชนิดคือ ไบฟิโดแบคทีเรียมอินแฟนทิส 35624 และกลุ่มที่ 3 ได้ ดื่มนมมอลต์ธรรมดาที่ไม่มีผลต่อร่างกายใดๆ โดยผู้ป่วยแต่ละคนไม่รู้ว่าตัวเองสังกัดกลุ่มใด
ตลอดเวลา 4 สัปดาห์ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มดื่มนมมอลต์ และในระหว่าง 8 สัปดาห์ต่อมาผู้เข้าร่วมการทดลองต้องจดบันทึกอาการของตนนอกจากนี้พวกเขายังถูกห้ามไม่ให้ใช้ยาใดๆ อาทิ ยาระบาย ยาระงับอาการท้องร่วง ยาปฏิชีวนะ ผลิตภัณฑ์ใดๆที่มีโพรไบโอติกเจือปน
ผลปรากฏว่า ผู้ป่วยซึ่งดื่มเครื่องดื่มที่มีเชื้อไบฟิโดแบคทีเรียม อินแฟนทิส 35624 ที่เคยมีทั้งอาการปวดท้อง การพองตัวของลำไส้และความสม่ำเสมอในการเคลื่อนตัวของลำไส้มีอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ได้รับโพรไบโอติกที่มีเชื้อแล็กโตบาซิลลัส
ซาลิวาเรียส ยูซีซี4331 ไม่แสดงผลที่เหนือกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับโพรไบโอติก
บรรเทาอาการท้องเดิน
ถือเป็นอีกคุณสมบัติของโพรไบโอติก โดยอาจารย์ไชยวัฒน์ อธิบายว่า โพรไบโอติกสามารถลด ความถี่และระยะเวลาของอาการท้องร่วงลดการติดเชื้อภายในลำไส้ และเพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยกลไกที่เป็นไปได้คือ การทำให้ลำไส้ใหญ่มีความเป็นกรดจากการผลิตกรดแล็กติกและกรดแอซิติกที่เกิดจากกระบวนการหมักหรือใช้น้ำตาลเป็นอาหารแล้วเปลี่ยนเป็นกรด ซึ่งกรดดังกล่าวที่ผลิตขึ้นมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคได้ อีก กลไกหนึ่งคือ ทำให้การตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น สามารถลดอาการแพ้(AllergicSymptoms) ได้
ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ข้อมูลทางระบาดวิทยาพบว่าอุบัติการณ์ของมะเร็งลำไส้ใหญ่มีความสัมพันธ์กับการกินอาหารไขมันสูง เพราะไขมันในอาหารจะกระตุ้นให้มีการหลั่งกรดน้ำดีในลำไส้ใหญ่มากขึ้น ร่วมกับกรดน้ำดีอีกส่วนหนึ่งที่เกิดจากแบคทีเรียเอง ซึ่งมีส่วนส่งเสริมให้เกิดมะเร็งได้
ดังนั้นกลไกในการต้านมะเร็งของโพรไบโอติก ได้แก่ กดการทำงานของสารก่อมะเร็ง สามารถลดเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ควบคุมหรือเหนี่ยวรั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีเอนไซม์ในการทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง มีผลต่อการเคลื่อนไหวหรือการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ทำให้ร่างกายกำจัดสารก่อกลายพันธุ์ออกได้เร็วขึ้น และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
มีประโยชน์ขนาดนี้ สนใจหาโพรไบโอติกมากิน เราก็มีบทความแนะนำอาหารอุดมโพรไบโอติกมากมายมาให้ผู้อ่านค่ะ