6.แพ้ผิวหนังชนิดตัวบวม
หรือทางการแพทย์เรียกว่า Angioedema ลักษณะของภูมิแพ้ชนิดนี้จะมีอาการแพ้ทางผิวหนังก่อน แล้วจึงมีอาการตัวบวมตามมา
คุณพรรณราย จริยะพิสุทธิ์ ป่วยเป็นภูมิแพ้ทางผิวหนังชนิดตัวบวม เมื่อ 3 ปีก่อน เนื่องจากเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมาก จึงลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว คือ 40 กิโลกรัมภายในเวลาเพียง 9 เดือน ทำให้ไม่มีภูมิต้านทาน ประกอบกับความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานาน อาการแพ้จนตัวบวมจึงเกิดขึ้นอย่างไม่เลือกเวลา และสถานที่
อาการ ก่อนตัวบวมจะมีอาการคันทั่วบริเวณส่วนบนของร่างกาย รวมถึงใบหน้า และศีรษะด้วย จากนั้นเปลือกตาก็จะเริ่มบวม ท้องขยายออกมาประมาณ 5-6 นิ้ว ประมาณ 3-5 วันจึงยุบแล้วก็กลับมาเป็นใหม่อีกครั้ง
การรักษา รับประทานยารักษามาเป็นเวลา 1 ปี ไม่ดีขึ้นจึงเลิกใช้ยามาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว
การดูแลตัวเอง “ต้องทำใจยอมรับเพื่อไม่ให้เครียดไปมากกว่านี้ เมื่อว่างจากงานจึงเข้าวัดนั่งสมาธิบ่อยๆ น เป็นการพักผ่อนไปในตัว และเลิกทานเนื้อสัตว์ค่ะ ทำแบบนี้มาปีกว่าแล้วรู้สึกจิตใจสงบขึ้น ตัวบวมน้อยลง และนานครั้งจึงจะมีอาการแพ้”
Tip เมื่อเกิดอาการแพ้จนท้องบวมคุณพรรณรายจะพยายามไม่ใส่ใจ และเบี่ยงเบนความสนใจโดยการหากิจกรรมที่ชอบทำ เช่น อ่านหนังสือค่ะ
7.แพ้สิ่งแวดล้อม
เกิดจากการแพ้สภาพแวดล้อมรอบตัวที่อาจมีสารก่อ ภูมิแพ้ แฝงอยู่ เมื่อเกิดการแพ้จะแสดงอาการทางผิวหนัง คือมีผื่นสีแดง หรือเกิดรอยนูนเป็นเส้นเมื่อโดนของแข็งขูดขีดเรียกว่า Dermatographism หรือ ผิวหนังเขียนหนังสือได้
คุณพรพิมล ชูสกุลพัฒนา พนักบริษัทเอกชนวัย 30 ปี ป่วยเป็นภูมิแพ้สิ่งแวดล้อมตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเกิดจากการมองเห็น และการสัมผัส แม้ขณะเดินอยู่เฉยๆ ก็สามารถเกิดอาการแพ้ได้ แพทย์วินิจฉัยว่าแพ้สิ่งแวดล้อม
อาการ ผื่นสีแดงขึ้นตามตัวบ่อยๆ เมื่อโดนของแข็ง เช่น ปากกาขีดข่วนก็จะเป็นเส้นสีแดงบวมนูนขึ้นตามรอยอยู่นาน ถ้ามองเห็นจุดสีดำเล็กๆ คล้ายเมล็ดงาอยู่ตามเสื้อผ้า หรือกระเป๋าลายหนังจระเข้ ก็จะเกิดอาการแพ้ทันที แม้ขณะปรบมือก็เกิดอาการคันและแดงตามมาด้วย
การรักษา รับประทานยาแก้แพ้เมื่อมีอาการ
การดูแลตัวเอง “ลองเปลี่ยนมาทานข้าวกล้อง กับเมล็ดถั่ว เช่น ถั่วเขียว และเล่นกีฬาอย่างแบทมินตัน กับแอโรบิกสลับกันไป แล้วรู้สึกว่าความถี่ในการแพ้ลดลงค่ะ”