กระทงทอง อาหารว่างของไทยโบราณที่หากินได้ค่อนข้างยาก – A Cuisine

กระทงทอง อาหารว่างของไทยโบราณที่หากินได้ค่อนข้างยาก เป็นที่นิยมมากในงานเลี้ยงต่างๆ เนื่องจากมีรสชาติอร่อย รูปร่างหน้าตา สวยงาม ชวนรับประทาน

กระทงทอง อาหารว่างของไทยโบราณที่หากินได้ค่อนข้างยาก ใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นอาหารว่างไทยที่ควรจะรักษาไว้ กระทงทองเป็นอาหารว่างที่จัดขึ้นโต๊ะได้อย่างไม่อายใคร เนื่องจากมีรูปร่างและสีสันที่น่ากิน ลักษณะพอดีคำ กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพราะมีรสชาติกลางๆ ตัวไส้สามารถดัดแปลงนำผักหลายๆ ชนิดมาใส่ได้ เช่น แครอตหั่นสี่เหลี่ยม ลูกเต๋าเล็กๆ หรือเม็ดถั่วลันเตา ก็จะเพิ่มสีสันให้น่ากินยิ่งขึ้น

สิ่งสำคัญของกระทงทองคือ ตัวกระทงที่ต้องทอดใหม่ๆ ถ้าทอดทิ้งไว้ไม่ควรเกิน ๒ วัน เพราะจะมีกลิ่นเหม็นหืนไม่น่ารับประทาน  จะไม่นิยมใส่ไส้แล้ววางทิ้งไว้นาน เพราะจะทำให้น้ำที่ตัวไส้ซึมลงกระทงทำให้ไม่กรอบ จะใส่ไส้แล้วเสิร์ฟทันที ตัวไส้ของกระทงทองจึงต้องผัดให้แห้ง

ลักษณะของพิมพ์กระทงทองเป็นทองเหลือง แล้วขึ้นรูปเป็นกระทง มีรูปร่างกลมหรือสี่เหลี่ยมเป็นจีบ ๆ ด้ามทำด้วยไม้ วิธีการใช้คือ ต้องแช่พิมพ์ในน้ำมันให้พิมพ์ร้อนจัดเสียก่อน เมื่อพิมพ์ร้อนค่อยจุ่มลงในแป้ง แป้งจึงจะเกาะพิมพ์ แล้วนำไปจุ่มในน้ำมัน พอแป้งสุกก็ค่อยๆ แซะแป้งออกจากพิมพ์ แป้งก็จะหลุดโดยง่าย

 

 

กระทงทอง

 

ส่วนผสมกระทง

แป้งสาลีอเนกประสงค์                        2               ถ้วย

แป้งข้าวเจ้า                                      ¼              ถ้วย

ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง)                         2               ฟอง

เกลือป่น                                            1               ช้อนชา

น้ำตาลทราย                                    1               ช้อนโต๊ะ

น้ำปูนใส                                           ¼              ถ้วย

น้ำเย็น                                              1 ¾           ถ้วย

น้ำมันพืช                                          1               ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืชสำหรับทอด

 

ส่วนผสมไส้

สันในไก่ ทอดพอเหลืองหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก               2              ถ้วย

หอมหัวใหญ่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก                              ½             ถ้วย

แครอตหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กต้มสุก                            ½             ถ้วย

มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กต้มสุก                             1              ถ้วย

ข้าวโพดเหลืองฝานบาง ๆต้มสุก                                   1              ถ้วย

เมล็ดถั่วลันเตาต้มสุก                                                 ¼             ถ้วย

ซอสปรุงรส                                                             2              ช้อนโต๊ะ

นมสดรสจืด                                                           ¾             ถ้วย

น้ำตาลทราย                                                          2              ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น                                                                 1              ช้อนชา

แป้งสาลีอเนกประสงค์                                              2              ช้อนโต๊ะ

เนยสดชนิดจืด                                                         2              ช้อนโต๊ะ

 

วิธีทำ

1.เตรียมกระทงโดยใส่แป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า เกลือป่น และน้ำตาลลงในชามผสม คนให้เข้ากัน ทำหลุมแป้งแล้วใส่ไข่แดง น้ำปูนใส น้ำเย็น และน้ำมันลงไป ใช้ตะกร้อมือคนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน

2.เทน้ำมันสำหรับทอดใส่หม้อ ตั้งไฟกลางจนน้ำมันร้อน นำพิมพ์ที่จะใช้ทอดลงจุ่มทิ้งไว้จนร้อน ยกขึ้นมาซับน้ำมันเล็กน้อย จุ่มพิมพ์ลงบนส่วนผสมแป้ง แล้วนำมาทอดในน้ำมัน พอให้แป้งสุกและล่อนออกจากพิมพ์ ทอดต่อจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน ทำเช่นนี้จนหมด

3.เตรียมส่วนผสมไส้ โดยผัดหอมหัวใหญ่กับเนยสดด้วยไฟกลางจนมีกลิ่นหอม ใส่แป้งสาลีลงผัดจนแป้งสุก เติมนมสดลงคนให้เข้ากัน จากนั้นจึงใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงผัดพอเข้ากัน

4.ตักส่วนผสมไส้ ใส่ลงในกระทะที่ทอดไว้ เสิร์ฟได้ทันที

 

ข้อมูลสูตร : ขนมหวาน อาหารว่างไทย

สำนักพิมพ์ Amarin Cuisine

 

Tips

  1.  ต้องคอยคนแป้งทุกครั้งก่อนนำพิมพ์ลงจุ่ม อย่าให้แป้งนอนก้น
  2. ผัดไส้ให้แห้งจะทำให้กระทงกรอบนาน
  3. จุ่มพิมพ์ในน้ำมันให้ร้อนก่อนนำลงไปจุ่มในแป้ง แป้งจึงจะติดพิมพ์

 

 

 

 

 

ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย กระทงทอง 1 กระทง จะมีคุณค่าทางโภชนาการ (ประมาณ) แคลอรีได้ดังนี้

พลังงาน                            17.19 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต                       0.98 กรัม
ไขมัน                                     1.17 กรัม
โปรตีน                                     0.66 กรัม

ที่มาของข้อมูล : จากรายงานการวิจัย “คุณค่าอาหารไทยเพื่อสุขภาพ” โดยทีมวิจัยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

ข้อมูลจาก

https://www.doctor.or.th/article/detail/2110

 

 

เมนูที่น่าสนใจ

 

 

#ACuisine #เอคูซีน #Recipes

อยากกิน อยากฟิน อยากทำ อย่าลืมติดตาม A Cuisine (เอคูซีน)

📌Website : https://cheewajit.com/healthy-food

📌Line : http://line.me/ti/p/~@goodlifeupdate

📌Instagram : instagram.com/acuisine.th/

📌Pinterest : https://www.pinterest.com/AcuisineTH/

 

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.