น้ำพริกกะปิ รสเลิศจาก “ครกอ่างศิลา” เมื่อได้ครกดีมีคุณภาพจากอ่างศิลาแล้ว เราชวนคุณมาลองโขลกน้ำพริกกะปิ เมนูพื้นบ้านแสนง่ายกันดูซิว่า ส่วนผสมจะแหลกเร็วสมคำร่ำลือขนาดไหน และน้ำพริกถ้วยนี้จะอร่อยมากขึ้นเพียงใด ว่าแล้วก็อย่าช้า รีบคว้าสากแล้วโขลกไปพร้อมกับเราเลย
ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย) เตรียม 10 นาที ปรุง 20 นาที
- กระเทียม กลีบเล็กปอกเปลือก 20 กลีบ
- กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสวน 15 – 20 เม็ด
- น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำต้มสุก 1 – 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนู และมะเขือพวง บุบพอแตกสำหรับโรยหน้า
ส่วนผสมเครื่องแนมน้ำพริก
- ปลาทูทอดเลาะก้าง 2 – 3 ตัว
- ผักสด ผักลวก และผักทอด ตามชอบ อาทิ ถั่วฝักยาวลวก กะหล่ำปลีลวก ฟักทองต้ม แตงกวา ชะอมและมะเขือยาวชุบไข่ทอด
วิธีทำ
โขลกน้ำพริกกะปิโดยโขลกกระเทียมกับกะปิให้เข้ากันจนละเอียด จากนั้นใส่พริกขี้หนูลงไปโขลกให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำตาล และน้ำปลา หากน้ำพริกข้นไปให้เติมน้ำต้มสุก คนให้เข้ากันตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยพริกและมะเขือพวง รับประทานแนมกับปลาทูทอด ผักสด ผักลวกและผักทอดตามชอบ
กระเทียม หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum เป็นพืชในตระกูลหัวหอมที่มีชื่อวงศ์ว่า Liliaceae ลักษณะพิเศษคือ มีดอกเป็นดาวรูปหกแฉก และมีชื่อสกุลทางวิทยาศาสตร์ว่า Allium เป็นพืชกลุ่มที่มีโคนของลำต้นที่พองออกเป็นกระเปาะ แต่ละกระเปาะอาจมีเพียง 1 กลีบอย่างพวกหัวหอมหรือมีหลายกลีบรวมกัน เช่น กระเทียม ในแง่ของ Doctrine of Signature พืชต้นใดที่มีลักษณะของดอกที่จำนวนกลีบเป็น 3 หรืออนุกรมของ 3 เช่น 3, 6, 9 กลีบ มักมีคุณสมบัติที่เกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง สรรพคุณ บำรุงหัวใจและช่วยรักษาหลอดเลือดที่เสื่อมได้ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และ ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
เรื่องและสูตร : เป็นเอก ทรัพย์สิน ผู้ช่วยกองบรรณาธิการ : ณัชชา ชูชาติ
ภาพ : พีระพัฒน์, จิรวัฒน์ สไตล์ : ปรางรัตน์ ฤกษ์สง่า