ดิ๊ก ฮอยต์

ดิ๊ก ฮอยต์ พ่อที่แกร่งที่สุดในโลก

ดิ๊ก ฮอยต์ พ่อที่แกร่งที่สุดในโลก

คุณคิดว่าความรักของพ่อยิ่งใหญ่ขนาดไหน…

ลองติดตามเรื่องราวของพ่อวัยชราผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจ แต่ยังคงมุ่งมั่นพาลูกชายที่พูดและขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ลงแข่งวิ่งมาราธอนและคนเหล็กไตรกีฬาในนาม ทีมฮอยต์ (TeamHoyt) คนนี้ดู

ย้อนไปเมื่อประมาณ 56 ปีที่แล้ว ดิ๊ก และ จูดี้ ฮอยต์ ได้ให้กำเนิดริก ฮอยต์ ทารกเพศชายผู้โชคร้ายถูกรกพันคอ ทำให้สมองขาดออกซิเจนนานจนบางส่วนตาย เขาจึงไม่สามารถควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ แพทย์แนะนำให้ทิ้งหนูน้อยไว้ที่โรงพยาบาลดีกว่าพากลับไปเลี้ยงในสภาพที่ไม่ต่างจาก“ผักไปตลอดชีวิต แต่ครอบครัวฮอยต์ยืนกรานที่จะพาลูกชายกลับบ้าน และตั้งใจจะเลี้ยงดูไม่ให้ต่างจากคนปกติ

ดิ๊ก ฮอยต์

 

ผู้เป็นพ่อพาเด็กน้อยไปรับการทดสอบเพื่อหาทางให้เขาสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ แต่คำตอบคือ “”ไม่มีทาง”” แต่กระนั้นดิ๊กก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ ท้าให้เจ้าหน้าที่ผู้ทดสอบลองเล่าเรื่องตลกให้ลูกชายฟัง ผลคือหนุ่มน้อยวัย 11 ขวบสะอึกหัวเราะออกมา เหตุการณ์ในวันนั้นจึงเป็นที่มาของการพัฒนาเครื่องมือสะกดคำด้วยการใช้ศีรษะสัมผัสปุ่มทำให้ริกสามารถสื่อสารกับคนรอบตัวได้เป็นครั้งแรก แต่แทนที่ประโยคแรกที่ริกสื่อสารจะเป็น“ “พ่อครับ แม่ครับ สวัสดีครับ”” กลับเป็น ““(บอสตัน) บรูอินส ์ สู ้ สู้!” ” นั่นทำให้ครอบครัวรู้ว่า ริกชอบกีฬาแถมยังติดตามความเคลื่อนไหววงการฮอกกี้ไม่ต่างจากคนปกติด้วย

ความชื่นชอบในเกมการแข่งขันทำให้ริกใฝ่ฝันอยากลงแข่งวิ่งมาราธอน เพื่อหาทุนช่วยเพื่อนร่วมชั้นไฮสกูลที่ประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาต

ดิ๊ก ฮอยต์

คำขอนี้อาจจะฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่ดิ๊กกลับไม่คิดอย่างนั้น ดิ๊กผู้เรียกตัวเองว่า ““หมูอ้วนที่ไม่เคยวิ่งได้เกินหนึ่งไมล์”” ตัดสินใจลงแข่งเพื่อลูก แม้จะต้องวิ่งไปเข็นรถลูกไปอย่างทุลักทุเลก็ตาม

หลังจากลงแข่งในครั้งนั้น ริกบอกกับพ่อของเขาว่า “”พ่อครับ ตอนเราแข่งวิ่งกัน ผมไม่รู้สึกเลยว่า ตัวเองเป็นคนพิการ”” ประโยคนี้นับเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของทั้งสองพ่อลูกเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่นั้นมา ผู้เป็นพ่อก็หันมาทุ่มเทฟิตซ้อมร่างกายเพื่อพาลูกลงแข่งให้บ่อยที่สุด แม้เขาจะยอมรับแบบติดตลกว่า “”ผมรู้สึกว่าเป็นผมต่างหากที่พิการเพราะหลังแข่งหนแรก ผมเจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัวนานตั้งสองอาทิตย์””

ดิ๊ก ฮอยต์

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกครั้งที่ทั้งคู่จะได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมแข่งขันอย่างง่ายดาย และหลายครั้งก็ต้องลงแข่งโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดคุยหรือข้องเกี่ยว ดิ๊กบอกวา่ ““เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะเข้าใจว่า ริกนั้นไม่ต่างจากคนปกติคนอื่นๆ เลย””

เมื่อริกชวนหาความท้าทายใหม่ด้วยการลงแข่งไตรกีฬา ผู้เป็นพ่อก็ต้องหัดว่ายน้ำเป็นครั้งแรก และกลับไปซ้อมปั่นจักรยานซึ่งไม่ได้แตะมาตั้งแต่หกขวบอีกครั้ง แม้จะจมดิ่งลงไปทันทีที่ลองว่ายพร้อมกับลากเรือเล็กที่บรรทุกลูกชายไปด้วยในครั้งแรก แต่ดิ๊กก็ยังคงไม่ย่อท้อ

ดิ๊ก ฮอยต์

ดิ๊ก ฮอยต์

ดิ๊ก ฮอยต์

ดิ๊ก ฮอยต์

““พ่อของผมเป็นคุณพ่อแห่งศตวรรษ ความมุ่งมั่นของท่านนั้นหาใครเทียบยาก ตอนที่ตัดสินใจลงแข่งไตรกีฬา ท่านต้องออกกำลังกายหนักมากถึงวันละ 5 ชั่วโมง ไม่เว้นแม้แต่เวลาทำงาน ผมหวังว่าสักวันตัวเองจะได้สลับหน้าที่เป็นคนเข็นรถที่พ่อนั่งบ้าง””

หนุ่มริกพูดถึงพ่อเอาไว้อย่างน่าตื้นตัน

ดิ๊ก ฮอยต์

 

ความรักและการเสียสละของดิ๊กไม่เพียงแต่จะให้ชีวิตใหม่แก่ลูกชายของเขาเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการช่วยต่อชีวิตให้ตัวของเขาเองด้วย เพราะการออกกำลังกายซึ่งได้กลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันของดิ๊ก เพื่อรักษาความฟิตให้พร้อมลงแข่งเพื่อลูกเสมอนั้น ได้ช่วยให้ตัวเขาเองรอดชีวิตจากอาการเส้นเลือดหัวใจอุดตันมาได้อย่างปาฏิหาริย์

ดิ๊ก ฮอยต์

เรื่องราวของทีมฮอยต์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของสองพ่อลูกที่ช่วยรักษาชีวิตของกันและกันเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจอันเหลือประมาณแก่คนทั่วโลก ทำให้หลายชีวิตที่เคยสิ้นหวังกลับมามุ่งมั่นได้อีกครั้ง รวมทั้งทำให้ผู้พิการมีกำลังใจและได้รับการยอมรับในสังคมมากขึ้นด้วย…ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากความรักอย่างไร้เงื่อนไขและไม่มีที่สิ้นสุดของสุดยอดคุณพ่อผู้แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจอย่าง ดิ๊ก ฮอยต์

 

Secret Box

““คนเรา ไม่ว่าจะปกติหรือทุพพลภาพ ควรได้รับการยอมรับให้อยู่ในสังคมอย่างเท่าเทียมกัน นี่คือสิ่งที่ทีมฮอยต์ต้องการจะสื่อถึงทุกคน”” – ริก ฮอยต์

 

ที่มา  นิตยสาร Secret

ภาพ  www.teamhoyt.com, ริก ฮอยต์

Secret Magazine (Thailand)

IG @Secretmagazine

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.