ไม่เท่านั้นสมเด็จกรมพระยาฯยังทรงนำพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หล่อสำริดนี้กลับกรุงเทพฯด้วย โดยท่านพุทธทาสภิกขุกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ เมื่อพาเข้าไปกรุงเทพแล้ว ถึงวันที่สมเด็จกรมพระยาดำรงจะต้องเข้าประชุมเสนาบดีตามปกติ ซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงเป็นประธานในที่ประชุม สมเด็จกรมพระยาแกล้งเสด็จสายไม่น้อยกว่า ๓๐ นาที ถึงกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบ่นไม่พอพระทัยและกระสับกระส่าย และทรงบ่นว่าไม่เคยพลาดเวลามาสายเลย ครั้นสมเด็จกรมพระยาไปถึง มีมหาดเล็กอุ้มอวโลกิเตศวรสำริดองค์นี้ตามไปด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจ้องอย่างตื่นเต้น และตรัสด้วยความตื่นเต้นว่า ‘อะไรของเธอๆ ดำรง’ …….คือว่าวันนั้นเลยไม่ต้องประชุมข้อราชการ กลายเป็นเรื่องชม และวิพากษ์วิจารณ์รูปปฏิมาอวโลกิเตศวรสำริดองค์นี้กันเสียจนหมดเวลา ”
0
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในสวนโมกข์
ทำไมท่านพุทธทาสภิกขุจึงให้สร้างรูปปั้นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ขึ้นในสวนโมกข์ ข้อความของท่านต่อไปนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ช่วยให้กระจ่างไม่มากก็น้อย
“ท่านจงพิจารณาดูภาพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรดูอีกครั้งหนึ่ง ท่านจะเห็นความงดงามของงานศิลปกรรมแบบปาละ นั่นไม่ใช่เพียงเท่านั้น. ความมุ่งหมายของการทำรูปอวโลกิเตศวรนั้น เขามุ่งหมายจะให้เห็น “การแสดงธรรม” ไปในตัวรูปนั้นเองด้วย ในเค้าหน้าของรูปปฏิมานั้น ต้องมีธรรม ๓ ประการเห็นอยู่ชัดเจน คือ ความเมตตา ความสุข ความฉลาด กลมกลืนเป็นอันเดียวกันอยู่. ใครอ่านหน้าพระอวโลกิเตศวรออก คนนั้นเห็นธรรม คือเมตตา ปัญญา และศานติ เป็นอย่างน้อย”
ท่านมีจุดประสงค์เพื่อใช้รูปปั้นนี้เป็นสื่อธรรมอีกอย่างหนึ่ง เพื่อระลึกถึง ธรรม 3 ประการ ได้แก่ เมตตา ปัญญา และ สันติ (ความสงบ)
ที่มา :
www.facebook.com/buddhadasaarchives
แนวสังเขปของโบราณคดีรอบอ่าวบ้านดอน โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ
101 ปี ศรีวิชัยคืนชีพ : ตามรอยพุทธทาส โบราณคดีรอบอ่าวบ้านดอน
ภาพ :
สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
บทความน่าสนใจ
การเป็นมนุษย์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร ธรรมะหน้าเชิงตะกอนของท่านพุทธทาสภิกขุ
ธรรมะที่เป็นสุข และถูกต้อง เป็นอย่างไร โดยท่านพุทธทาสภิกขุ
โลกนี้มีแต่ คนบ้า บ้าบอกันไปหมด แล้วใครคือคนที่ไม่บ้า ในมุมมองของท่านพุทธทาสภิกขุ
ท่านพุทธทาสภิกขุสอนเรื่องครอบครัวในแง่มุมที่คิดไม่ถึงสำหรับ คนเกลียดวัด
ท่านพุทธทาสภิกขุระงับ โรคหัวใจวาย และน้ำท่วมปอดด้วยธรรมโอสถของพระพุทธเจ้า