เด็กใจแตก บ้านยากจน ที่เติบใหญ่แล้วได้ดี มีแต่ในละครโทรทัศน์เท่านั้น โอปราห์
คุณคิดเช่นนั้นไหม
ถ้าใช่ ลองปล่อยความคิดให้ว่าง เปิดใจให้กว้าง แล้วไปทำความรู้จักกับ โอปราห์ วินฟรีย์ นางเอก ผู้มีตัวตนอยู่จริงพร้อมๆ กัน
54 ปีก่อน เด็กหญิงโอปราห์ถือกำเนิด ณ ฟาร์มแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในครอบครัวยากจน อีกทั้งยังเป็นคนผิวสี ท่ามกลางสังคมที่มองกันเพียงเปลือกนอก สองสิ่งนี้คือคุณสมบัติอันนำมาซึ่งความเสียเปรียบยิ่ง
โชคร้ายแค่นี้ยังไม่พอ ในวัย 9 ขวบ เธอถูกลูกพี่ลูกน้องข่มขืน มิหนำซ้ำยังโดนเพื่อนชายและลุงแท้ ๆ ลวนลามเป็นประจำ โอปราห์ไม่ปริปากบอกใคร ได้แต่เก็บความเจ็บปวดคับแค้นนี้ไว้กับตัว
ขณะอายุ 14 ปี โอปราห์ตั้งท้อง ลูกชายของเธอเสียชีวิตหลังคลอดไม่กี่สัปดาห์ การสูญเสียดังกล่าวทำให้ชีวิตของเธอพังยับเยิน
แต่เธอก็ปฏิญาณตนว่า จะพลิกฟื้นชีวิตอันย่อยยับกลับคืนมาให้จงได้
40 ปีผ่านไป บัดนี้เธอคือผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า ประสบความสำเร็จและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก
เด็กสาวซึ่งชีวิตเหลวแหลกคนนั้นข้ามอุปสรรคขวากหนามมากมาย กระทั่งปีนป่ายไปยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูงระดับโลกได้อย่างไร
หนังสือสร้างคนมานักต่อนัก คำกล่าวนี้น่าจะหมายรวมถึงโอปราห์ด้วย ยายผู้เลี้ยงดูเธอในวัยเยาว์คือผู้ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและคอยบ่มเพาะนิสัยคิดบวก ให้แก่เด็กหญิง
ยายบอกว่า หลานของเธอเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ คำพูดนี้เป็นแรงผลักดันอันมากพอที่จะทำให้เธอมั่นใจกับก้าวต่อๆ ไปของชีวิต
โอปราห์เริ่มใช้พรสวรรค์ด้านการสื่อสารที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเป็นครั้งแรกโดยการอ่านบทเทศนาให้คนในโบสถ์ฟัง ด้วยวัยเพียง 19 ปี เธอได้เป็นผู้ประกาศข่าววิทยุที่อายุน้อยที่สุด และเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกของอเมริกาที่ได้ทำหน้าที่นี้ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ย้ายตัวเองทำงานสายโทรทัศน์เรื่อยมา
จนอายุได้ 30 ปีจึงเกิดเหตุการณ์สำคัญถึงขั้นพลิกชีวิต เธอมีโอกาสได้ทำงานเป็นพิธีกรรายการทอล์คโชว์ชื่อ ”AM Chicago” ด้วยความฉลาด มีไหวพริบในการตั้งคำถาม และบุคลิกอันโดดเด่นของโอปราห์ ทำให้เรตติ้งรายการพุ่งสูงเป็นอันดับ 1 ของเมืองชิคาโกหลังจากออกอากาศไปได้เพียง 1 เดือน จนต้องเพิ่มเวลา แถมยังใช้ชื่อของเธอเป็นชื่อรายการแทนชื่อเก่าอีกด้วย
เพียง 2 ปีต่อจากนั้น “The Oprah Winfrey Show” กลายเป็นรายการทอล์คโชว์ที่มีเรตติ้งสูงสุดเท่าที่วงการทีวีสหรัฐฯเคยมีมา ความสำเร็จนี้ทำให้เธอผันตัวจากลูกจ้างกลายมาเป็นเจ้าของบริษัท Harpo (มาจากชื่อเธอแต่เขียนกลับตัวอักษร) เพื่อผลิตรายการเอง
นอกจากรายการโทรทัศน์ ผู้หญิงเก่งคนนี้ยังหันไปจับงานอีกหลายแขนง อาทิ การออกนิตยสารผู้หญิงชื่อ “O” หรือ “The Oprah Magazine” ซึ่งทำยอดผู้อ่านได้กว่า 2 ล้านคน และสร้างสถิติทำกำไรได้เร็วที่สุด การก่อตั้ง
เว็บไซต์โอปราห์ดอทคอมซึ่งมียอดเข้าชมกว่า 70 ล้านครั้งต่อเดือน การร่วมแสดงภาพยนตร์ “The Color Purple” ของสปีลเบิร์ก ผู้กำกับภาพยนตร์ จนได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ฯลฯ
แต่ในที่สุดฝันร้ายจากวันวานก็ตามมาหลอกหลอนเธอจนได้
เพราะแค่ถูกคนใกล้ชิดล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็กยังไม่พอ โอปราห์ในยามโตกลับโชคร้ายยิ่งกว่า เมื่อถูกพ่อบังเกิดเกล้าข่มขืนซ้ำ
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ทางกาย หากเป็นการข่มขืนจิตใจที่สร้างความเจ็บช้ำไม่แพ้กันด้วยวิธีแฉประจาน
ทันทีที่ได้รับแจ้งว่า เวอร์นอน วินฟรีย์ กำลังจะขายลูกสาวกินด้วยการเขียนหนังสือแฉชีวิตเธอ โอปราห์รู้สึกผิดหวังและสะเทือนใจมาก ก่อนหน้าเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า พ่อคือคนที่ช่วยให้เธอผ่านเรื่องเลวร้ายจากการสูญเสียลูกชายไปได้ ซึ่งทำให้เธอซาบซึ้งใจมาก ทว่าปัจจุบันพ่อกลับออกมาบอกว่า เขาควรจะทำโทษหรือกวดขันเธอให้มากกว่านี้ เพราะเขาเห็นว่าโอปราห์เป็นลูกสาวที่ดื้อด้านและแสนเกเร อีกทั้งยังหมายจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนชายให้สังคมรู้อีกด้วย
แม้จะถูกผู้เป็นพ่อหักหลัง แต่ความนิยมในตัวโอปราห์หาได้ลดลงไม่ เพราะไม่ว่าจะจัดอันดับผู้ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย มีชื่อเสียง หรือมีอิทธิพลต่อชาวโลกครั้งไหน เจ้าแม่ทอล์คโชว์คนนี้เป็นต้องติดอันดับกับเขา
ทุกครั้ง ทว่าที่น่าชื่นชมที่สุดเห็นจะเป็นตำแหน่ง คนใจบุญ นั่นเอง
ในปี ค.ศ.2006 นิตยสาร ฟอร์บส์ ยกย่องให้เธอเป็น 1 ใน 3 คนบันเทิงที่บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากที่สุดในฐานะที่ทุ่มทุนกว่า 50 ล้านดอลลาร์ให้องค์กรการกุศลของเธอเองอย่างเครือข่าย Oprahs Angel และมูลนิธิเพื่อเด็กและสตรี The Oprah Winfrey Foundation เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอร์ริเคนแคทรีนา และแก้ปัญหาสังคม จากนั้นในปี ค.ศ.2007 โอปราห์ก็ได้รับการโหวตให้เป็นคนใจบุญอันดับ 1 ของโลก หลังบริจาคเงินเข้ากองทุน The Giving Back Fund เกือบ 60 ล้านดอลลาร์
นอกจากอำนาจเงิน (และอำนาจแห่งความดี) แล้ว เธอยังใช้อำนาจของการเป็นสื่อมวลชนผลักดันสิ่งดี ๆ ออกสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง เช่น เรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐฯ ออกกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการทำร้ายเด็กและเยาวชนจนสำเร็จ และได้ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “กฎหมายของโอปราห์” (Oprahs Law) รวมทั้งเป็นตัวตั้งตัวตีในการนำเสนอกิจกรรมดี ๆ ให้คนทั้งโลกได้มีส่วนร่วมฟรี เช่น จัด Oprahs Soul Series Webcast ทอล์คโชว์ออนไลน์ว่าด้วยเรื่องการพัฒนาจิตวิญญาณร่วมกับกูรูระดับโลกอย่าง Eckhart Tolle ผู้เขียนหนังสือ The Power of Now และ A New Earth ซึ่งโอปราห์ยกย่องว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดในโลก
นิยายชีวิตของโอปราห์ วินฟรีย์ เป็นแรงบันดาลใจให้เห็นว่า แม้อดีตจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับศักยภาพอันทรงพลังมากพอที่จะยกระดับ ปรับเปลี่ยนชีวิต และพัฒนาตนเองได้
ความสำเร็จรออยู่ข้างหน้า จงตั้งใจมั่นและทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จำไว้ว่า อนาคตที่สวยงามเป็นจริงได้ และคุณเท่านั้นคือผู้กำหนด
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง ศศิวรรณ โสภา
ภาพ oprahmag.com, Oprah.com
บทความน่าสนใจ