ของรักของหวง
บางชิ้นก็ซื้อหามาด้วยราคาแสนแพง (สำหรับกำลังเงินของเรา)
และบางชิ้นถึงแม้ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร
หากแต่มันมีที่มาที่ไปและคุณค่าทางใจ
ที่เราประเมินค่าไม่ได้ แต่ล้ำค่าทางความทรงจำ
ก่อนนี้ต้นพุทธก็คิดแบบนี้
จนเมื่อสองวันก่อนได้พบกับเรื่องราวของเสื้อยีนตัวหนึ่งที่ตัวเองเก็บเงินซื้อจากน้ำพักน้ำแรงเมื่อ 12 ปีก่อน กับราคาตอนนั้น 1,250 บาท ซึ่งเรียกได้ว่าแพงที่สุดในชีวิต
พี่สาวต้นพุทธเคยเอ่ยปากขอเสื้อยีนตัวนี้ เธอขอกึ่งแซวมาตลอดกว่า 12 ปีว่า เมื่อไหร่ไม่ใช้ พี่ขอ
เธอเพียรพยายามขอมาตลอด แต่ต้นพุทธก็บ่ายเบี่ยง แสร้งเงียบ เปลี่ยนเรื่องคุย ฯลฯ
กระทั่งล่าสุดเธอขออีกครั้งเมื่อต้นพุทธเอารูปเก่า ๆ ทเี่คยใส่เสื้อตัวนี้ส่งไลน์ไปให้เธอดู เพื่อบอกว่า ดูสิ เมื่อก่อนฉันเคยผอมสวย
เธอจำเสื้อยีนตัวนี้ได้และเอ่ยปากขอผ่านไลน์มาอีกครั้ง
ต้นพุทธตัดสินใจเขียนจดหมายใส่ในกล่องพร้อมเสื้อยีนตัวนี้ แล้วส่งไปรษณีย์ไปให้เธอที่ทำงาน เนื้อความบอกเหตผุลว่าทำไมที่ผ่านมาถึงไม่ให้เสื้อยีนตัวนี้กับพี่เสียที
“จี๊ (แปลว่าพี่สาว) มีเงินเดือนมากกว่าน้อง ทำไมไม่ซื้อเอง (พี่สาวได้เงินเดือนมากกว่า 2 หมื่นค่ะ ในขณะที่ต้นพุทธเป็นแค่ช่างตัดผมที่ร้านเล็ก ๆ ในต่างจังหวัด เงินเดือนไม่แน่นอน และไม่เคยถึง 2 หมื่นเลยสักเดือน ถึงรู้สึกเยอะ)
น้องแลกมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงที่ต้องเก็บหอมรอบริบ
จี๊ไม่เคยนึกถึงใจน้องเลยเหรอ สังเกตบ้างไหมว่าทำไมน้องบ่ายเบี่ยงทุกครั้งตลอด 12 ปี ที่จี๊พยายามขอ
จี๊อยู่กรุงเทพฯ หาซื้อง่าย จะหาแบบที่คล้าย ๆ หรือสวยกว่านี้ก็ยังได้ แต่ทำไมจี๊ไม่ซื้อ
…และสุดท้ายมันคือเสื้อที่แพงที่สุดเท่าที่พุทธเคยมีซื้อหาให้ตัวเอง โดยไม่ได้เอาเงินของพ่อแม่มาซื้อ พุทธภูมิใจกับมันที่พุทธมีโอกาสมีเสื้อแพง ๆ ยี่ห้อดัง ๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง ถึงแม้มันจะแค่ตัวเดียว…และมากไปกว่านั้นก็คือ จี๊เคยหัวเราะเยาะพุทธแล้วบอกว่า เสื้อตัวนี้มันเชย แต่ถัดมาไม่กี่วัน หลังจากจี๊กลับกรุงเทพฯไป จี๊โทรมาคุยแล้วบอกว่าต่างประเทศเทรนด์นี้กำลังมา แล้วจี๊ก็พูดใหม่ว่า จี๊ขอได้ไหมหากพุทธเบื่อมันแล้ว…” เหล่านี้เป็นเหตุผลของต้นพุทธในวันนั้น
แต่เมื่อต้นพุทธได้รู้จักธรรมะ การฝึกภาวนาก็ทำให้ได้ย้อนกลับมาพิจารณาใจตัวเอง ในนาทีที่มีเหตุการณ์มากระทบอารมณ์ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ นาทีนั้นต้นพุทธเห็นถึงความยึดมั่นถือมั่นของตัวเอง รู้ว่าการลำดับความสำคัญในชีวิตยังผิดพลาด ไม่ถูกต้อง ธรรมะสอนให้ต้นพุทธเป็นผู้ให ้ สอนให้เราละ ลด ปล่อยวาง ไม่ใช่สะสม และรู้ว่าความเป็นคนดีนั้นต้องดีจริงมาจากข้างในแล้วจึงเผื่อแผ่ออกไปข้างนอก
หากวันนี้ต้นพุทธพยายามทำดีกับคนนอก แต่ยังแห้งแล้งมืดบอดกับคนในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพี่สาวคนนี้ ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณส่งเสียต้นพุทธเรียนจนจบปริญญาตรี นั่นก็เท่ากับว่า ต้นพุทธดีแต่สร้างภาพ ไม่ใช่ดีแท้มาจากข้างใน กะอีแค่เสื้อตัวหนึ่ง ทำไมต้นพุทธถึงปล่อยให้พี่สาวรอมานานถึง 12 ปี และที่สำคัญกว่าการตอบแทนคุณ ต้นพุทธได้เขียนประโยคสุดท้ายลงไปในจดหมายด้วยความรู้สึกจากใจจริง ๆ ว่า
“พุทธขอโทษค่ะจี๊ ที่ผ่านมาพุทธมัวแต่ยึดมันไว้ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นแค่ของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ และสุดท้ายถึงแม้เสื้อตัวนี้จะเป็นของรักของหวง แต่ระหว่างจี๊กับเสื้อ พุทธรักจี๊มากกว่า วันนี้พุทธดีใจที่จี๊ชอบเสื้อตัวนี้จริง ๆ ความรู้สึกดีของพุทธคงขยายกว้างขึ้นกว่านี้เมื่อทั้งสองสิ่งที่รักได้มาอยู่รวมกัน นั่นคือเสื้อตัวที่พุทธหวงแหน กับพี่สาวที่พุทธรัก ในนาทีที่หัวใจของพุทธ รู้จักคำว่า “พอ” ลำดับความสำคัญในชีวิตได้ถูกต้อง และรู้คุณ”
หลังจากพี่สาวได้รับเสื้อตัวนี้ เธอส่งข้อความตอบกลับมาว่า “จี๊ขอโทษ ไม่เคยรู้เลยว่ามันมีประวัติความเป็นมาแบบไหน และขอโทษที่ไม่เคยคิดถึงจิตใจของน้อง จะขอใส่เสื้อตัวนี้เพื่อเก็บเอาความรักที่น้องมีให้ทำงานไปด้วย เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน แล้วพรุ่งนี้จี๊จะรีบส่งมันกลับมาให้น้องนะ จี๊รักน้องมาก จี๊ขอโทษจริง ๆ”
ต้นพุทธตอบว่า
“จี๊ไม่ต้องส่งกลับมาหรอกค่ะ วันนี้น้องพร้อมจะให้จี๊แล้วจริง ๆ น้องดีใจที่เสื้อตัวนี้อยู่กับจี๊ที่น้องรัก หากวันหนึ่งเจ็บไข้ได้ปวยหรือทุกข์ใจ น้องอยากให้จี๊มายืนใกล้ ๆ มากอดน้องไว้ น้องคงรู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัยมากกว่าแค่ได้ใส่เสื้อตัวนี้”
ของรักของหวง ถึงจะหวงและรักมากแค่ไหน ในยามที่เราป่วยไข้หรือทุกข์ท้อใจ ก็ไม่อาจช่วยอะไรเราได้เท่ากับความรักและความรู้สึกดีจากคนที่เรารัก เพราะสิ่งของไม่มีชีวิต เว้นก็แต่เราอุปโลกน์ให้มันมีคุณค่า ท่ามกลางคำว่าสมมุติที่เรายึดไว้ให้หนักหัวใจของเรานั่นเอง
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง ต้นพุทธ ณศยา
บทความน่าสนใจ
เพราะชีวิตสมดุลได้ด้วยการให้ทาน บทความธรรมะจาก พระไพศาล วิสาโล