“ธรรม” ที่พึ่งพิงของชีวิต บทความให้แง่คิด จาก พระไพศาล วิสาโล
ในระหว่างการอบรมคราวหนึ่ง วิทยากรให้ทุกคนเดินสบาย ๆ ไปทั่วห้อง แล้วเลือกจุดใดจุดหนึ่งที่ถูกใจ จากนั้นให้สมมุติว่าตรงนั้นเป็น “บ้าน” ของตน ยืนเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้นสักพัก หายใจเข้าหายใจออกสบาย ๆ ทีนี้ให้ทุกคนออกไปเดินเที่ยวรอบห้อง แต่มีข้อแม้ว่าระหว่างที่เดินให้หายใจออกได้อย่างเดียว ห้ามหายใจเข้า จะหายใจเข้าได้ต่อเมื่อกลับมายัง “บ้าน” ของตนเท่านั้น (ที่พึ่งพิงของชีวิต)
ผ่านไป 3 นาที เมื่อได้ยินเสียงระฆัง ให้ทุกคนมองหน้าเพื่อนที่อยู่ในห้อง เลือกคนที่รู้สึกประทับใจเพียงคนเดียว (โดยที่เขาไม่รู้ตัว) แล้วสมมุติว่าส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายของเขาเป็น “บ้าน” ของตน เป็นจุดที่แต่ละคนสามารถหายใจเข้าหายใจออกได้ตามสบายเมื่อได้อยู่ใกล้ แต่เมื่อใดที่ออกไปเที่ยวเดินเล่นรอบห้อง ก็ต้องงดหายใจเข้า หายใจออกได้อย่างเดียวจนกว่าจะกลับมาที่ “บ้าน” ของตน จึงจะหายใจเข้าออกได้ตามปกติ
ผ่านไป 3 นาทีก็ถึงขั้นตอนสุดท้าย ทีนี้ให้ทุกคนสมมุติว่าทุกที่เป็นบ้านของตน ไม่ว่าอยู่ตรงไหนหรือเดินไปไหนก็สามารถหายใจเข้า - ออกได้ตลอดตามต้องการ
เมื่อทำกิจกรรมดังกล่าวเสร็จ ส่วนใหญ่พูดตรงกันว่าช่วงแรกนั้นรู้สึกอึดอัดเวลาก้าวออกจากจุดที่สมมุติว่าเป็น “บ้าน” จะไปไหนก็ไปได้ไม่นาน ต่อเมื่อกลับมา “บ้าน” จึงรู้สึกสบาย สำหรับช่วงที่สองนั้น ส่วนใหญ่บอกว่ารู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าเดิมเพราะคนที่หมายตาไว้ในใจนั้นไม่ยอมอยู่นิ่ง แต่จะเดินไปทั่วห้อง ดังนั้นจึงต้องคอยไล่ตามอยู่เสมอ เพื่อจะได้หายใจเข้าได้อย่างปลอดโปร่ง
เมื่อถูกถามว่ากิจกรรมดังกล่าวให้แง่คิดอย่างไรเกี่ยวกับชีวิตของแต่ละคน หลายคนให้ความเห็นว่า ในชีวิตจริงนั้นเรามีความสุขที่ได้อยู่บ้าน ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือไปทำงานก็ตามก็ไม่สบายเท่ากับเวลาอยู่บ้าน แต่คนเราไม่สามารถอยู่บ้านได้ตลอด บางครั้งก็ต้องออกไปนอกบ้าน ซึ่งนั่นก็หมายถึงการเหินห่างจากความสุขที่เคยมี
ความสุขของคนเรายังอยู่ที่ได้ใกล้ชิดใครบางคน ได้พบปะพูดคุยแล้วมีความสบายใจ แต่เมื่อใดที่อยู่ห่างไกลเขาก็จะมีความทุกข์มาแทนที่ ทำให้อยากเข้าหาเขาอยู่เสมอ แต่ปัญหาก็คือ เขาไม่เคยอยู่นิ่งเลย ถ้าอยากอยู่ใกล้เขา ก็ต้องไล่ตามหาเขาไม่หยุดหย่อน ทำให้เหน็ดเหนื่อย
ทุกคนพูดตรงกันว่า ถ้าหากทุกที่เป็นบ้านดังกิจกรรมช่วงที่สาม จะรู้สึกโปร่ง โล่ง เบาสบาย มีความสุข จะไปไหนหรืออยู่ที่ไหนก็ไม่อึดอัดคับข้อง เมื่อถามว่าทุกหนแห่งจะเป็นบ้านของเราได้อย่างไร คำตอบก็คือ ต้องทำใจให้เป็นบ้านหรือให้บ้านย้ายมาอยู่ที่ใจ
บ้านที่เป็นสถานที่นั้นไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้อย่างแท้จริง เช่นเดียวกัน การฝากใจไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง แม้จะได้รับความอบอุ่นหรือความสุข แต่ก็ทำให้ชีวิตและจิตใจไม่เป็นอิสระ จะอยู่ลำพังหรือเหินห่างจากเขาก็ไม่ได้ ครั้นพยายามใกล้ชิดสนิทแน่นก็ต้องเหน็ดเหนื่อย เพราะเขาเองก็ไม่ยอมอยู่นิ่ง เคลื่อนย้ายและแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ กลายเป็นว่าต้องไล่ตามเขาหรือปรับตัวปรับใจตามเขาตลอดเวลา
ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คำตอบก็คือ คนที่เราพึ่งพิงทางใจนั้น เขาเองก็พึ่งพิงคนอื่นหรือสิ่งอื่นอีกต่อหนึ่ง ดังกิจกรรมข้างต้น ก. เลือก ข. เป็นบ้าน ส่วน ข. กลับเลือก ค. เวลา ข. เดินเข้าหา ค. ก. ก็ต้องขยับตาม ข. เป็นเช่นนี้ไม่หยุดหย่อนและเป็นเช่นนี้กันทุกคน จึงกลายเป็นการไล่ตามซึ่งกันและกันทั้งห้อง
ทุกวันนี้ผู้คนเหน็ดเหนื่อยกับการวิ่งไล่ตามความสุขเพราะหวังความสุขจากสิ่งภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ บุคคล หรือวัตถุ แต่ความจริงที่ผู้คนมองข้ามไปก็คือ สิ่งเหล่านั้นหาได้เป็นอิสระในตัวเองไม่ ต่างก็ต้องพึ่งพาสิ่งอื่น ๆ เป็นทอด ๆ เมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งแปรเปลี่ยน สถานที่ บุคคล หรือวัตถุที่เราฝากใจไว้ก็พลอยแปรเปลี่ยนไปด้วย หากแปรเปลี่ยนไปในทางร้าย เราก็กลายเป็นทุกข์ ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ ต้องดิ้นรนขวนขวายทำอะไรสักอย่าง สุดแท้แต่สถานการณ์จะพาไป กลายเป็นว่าไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้เลย
บ้านที่เรารักให้ความสุขสบายได้ก็เพราะเหตุปัจจัยมากมายหลายอย่าง อาทิ ดินฟ้าอากาศดี ชุมชนแวดล้อมอำนวย แต่หากวันดีคืนดีฝนตกหนักจนน้ำท่วม หรือชุมชนรอบข้างมีความขัดแย้งกัน โรงงานระเบิดปล่อยสารพิษออกมา ถึงตอนนั้นบ้านก็มิใช่วิมานแสนสุขอีกต่อไป ถ้าไม่ย้ายหนีก็ต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์
คนรัก ไม่ว่าพ่อแม่ สามี - ภรรยา ลูกหลาน ให้ความสุขแก่เราเมื่อทุกอย่างราบรื่นลงตัว แต่หากงานของเขาล้มเหลวธุรกิจล้มละลาย สุขภาพย่ำแย่ ทำให้เขากลัดกลุ้ม ถึงตอนนั้นเราก็พลอยทุกข์ไปด้วย และไม่อาจดำเนินชีวิตตามปกติได้ แต่จะต้องปรับเปลี่ยนไปตามเขา เช่น ต้องให้เวลาแก่เขามากขึ้น สาละวนช่วยเขาจนกว่างานการจะสำเร็จ เขามีความสุขเมื่อใดเราจึงจะมีความสุขได้ หาไม่แล้วก็ต้องทุกข์ต่อไป
การเอาความสุขของเราไปผูกติดกับสิ่งใด ๆ ก็ตาม จึงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และมักตามมาด้วยความทุกข์ เพราะทุกสิ่งก็ล้วนพึ่งพาสิ่งอื่น ไม่เป็นอิสระหรือเที่ยงแท้ยั่งยืน พูดอีกอย่างหนึ่ง มันเป็นอนัตตา ดังนั้นจึงแปรเปลี่ยนอยู่เสมอมิอาจเป็นไปดังใจได้
การพึ่งตัวเองไม่หวังพึ่งพาความสุขจากสิ่งใด ๆ จะช่วยให้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง และเป็นสุขในทุกหนแห่ง ไม่ว่าสิ่งต่าง ๆ จะผันผวนแปรปรวนอย่างใด เราจะไม่มัวคาดหวังสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นดั่งใจ เพราะรู้ว่ามันไม่อยู่ในอำนาจของเรา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยสิ่งต่าง ๆ หากยังพร้อมจะเข้าไปเกี่ยวข้องดูแล โดยทำตามเหตุปัจจัย มิใช่เพราะความยึดติดถือมั่นอยากให้เป็นตามใจปรารถนา
ความสุขที่แท้อยู่ที่การพึ่งตน ซึ่งที่จริงก็คือ การพึ่งธรรม ดำเนินชีวิตตามธรรม และอย่างถูกธรรมนั่นเอง
ที่มา นิตยสาร Secret
ความสุขในชีวิต ที่คุณมองข้าม พรุ่งนี้อาจไม่มีเขา บทความดีๆ จากพระไพศาล
5 วิธีมีความสุขได้ โดยไม่ต้อง “เพอร์เฟ็กต์”
ดมกลิ่นดอกไม้ สุขง่าย ๆ ของผู้หญิงที่จะทำให้มุมมองความสุขของคุณเปลี่ยนไป
อยู่กับทุกข์ให้เป็น ก็ไม่เป็นทุกข์ บทความให้กำลังใจจาก พระไพศาล วิสาโล
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความกลัว บทความน่าคิดจาก พระไพศาล วิสาโล
อยู่สบาย แล้วทำไมต้องตายลำบาก บทความน่าคิด จากพระไพศาล วิสาโล
จงปล่อยวาง ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ธรรมะสอนใจ จากพระไพศาล วิสาโล
พระไพศาล วิสาโล ขอมอบพรปีใหม่ให้ชาวไทยทุกท่าน