ชะตาชีวิต

จงรักในชะตาชีวิต แม้ชะตาจะขีดให้ไม่เป็นอย่างใจ

จงรักใน ” ชะตาชีวิต ” แม้ชะตาจะขีดให้ไม่เป็นอย่างใจ บทความจาก นายแพทย์ชวโรจน์  เกียรติกำพล

หากยังจำกันได้  ไม่กี่ปีก่อน ผู้คนหลายประเทศทั่วโลกทำกิจกรรมอย่างหนึ่ง  คือการที่บุคคลที่รับคำท้ามานั้นต้องยกถังที่ใส่น้ำและน้ำแข็งที่เย็นเฉียบราดรดลงบนตัวเองให้เปียกจนชุ่มทั้งตัว  ชะตาชีวิต

กิจกรรมนี้มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า “Ice Bucket Challenge”  เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อหาเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS - Amyotrophic Lateral Sclerosis)  ซึ่งผมมารู้ภายหลังว่ากิจกรรมนี้แฝงความหมายโดยนัยว่า  อยากให้เราลองรู้สึกถึงความรู้สึกที่ไร้ความรู้สึก ชา หรือเจ็บปวดแบบผู้ป่วย ALS ดูบ้าง (ไม่ใช่ราดน้ำแข็งเพื่อเอาความเย็นสนุก ๆ อย่างเดียว)

เมื่อเล่าถึงโรคนี้  หนึ่งในผู้ป่วยที่จะลืมไม่ได้และมักได้รับการกล่าวถึงอยู่เสมอนั่นก็คือ  สตีเฟ่น  ฮอว์กิ้ง  เขาเป็นนักฟิสิกส์ - คณิตศาสตร์อัจฉริยะ  เขาได้ศึกษาวิจัยและค้นพบทฤษฎีต่าง ๆ ไว้มากมายส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการพยายามอธิบายความเป็นไปในเอกภพ  หลุมดำ  เป็นต้น เขาได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ลูคาเซียนซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่ เซอร์ไอแซค  นิวตัน ได้รับ แต่สิ่งที่ทำให้เขาได้รับความสนใจมากกว่านั้นคือ  เขาสามารถสร้างผลงานต่าง ๆ ที่น่าทึ่งได้อย่างไรในขณะที่เจ็บป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) จนตัวเองกลายเป็นคนพิการ

กว่าที่ฮอว์กิ้งจะประสบความสำเร็จ  เขาผ่านการต่อสู้และอดทนทั้งกายและใจอย่างมาก  เขามีมุมมองที่สร้างสรรค์และมุ่งมั่นในชีวิต  เขาเคยเล่ามุมมองที่น่าสนใจในการรับมือความพิการไว้ว่า

“ผมเชื่อว่าคนพิการควรจะมุ่งมั่นกับสิ่งที่ความพิการไม่เป็นอุปสรรคมากกว่า  และไม่คอยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้”

แนวคิดของสตีเฟ่น  ฮอว์กิ้ง ทำให้ผมนึกถึงวลีในภาษาละตินวลีหนึ่งคือ  amor fati – จงรักในชะตาชีวิต  การรักในชะตาชีวิตนั้นสื่อความหมายถึง การยอมรับ นั่นเอง  เพราะในชีวิตคนคนหนึ่งนั้น  การที่จะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาได้  ต้นทางของวิธีการก็คือการยอมรับและเข้าใจอุปสรรคนั่นเอง

ครั้งหนึ่งผมได้รักษาผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งซึ่งอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น  เธอทำงานเป็นเลขาฯ ของบริษัทข้ามชาติใหญ่โต  และได้รับความไว้วางใจและเอ็นดูจากหัวหน้าชาวต่างชาติมาก  แต่ใครจะคาดคิดว่าเธอจะเจ็บป่วยและต้องเข้านอนโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิน  เนื่องจากหลอดเลือดแดงในสมองโป่งพองเป็นกระเปาะและแตก  ทำให้มีเลือดคั่งในสมอง  อันที่จริงผมเพิ่งมาทราบภายหลังว่าเธอมีอาการปวดศีรษะเรื้อรังมานานแล้ว  แต่เธอคิดว่าตัวเองเป็นโรคไมเกรนจึงได้แต่ซื้อยามารับประทานเอง  ไม่ได้ตรวจเช็กเพิ่มเติม

วันแรก ๆ ที่ผมไปตรวจ  เธอได้แต่นอนร้องไห้เพราะไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามเดิม  เธอพูดไม่ชัดและรับประทานอาหารเองไม่ได้เพราะสำลัก  จนต้องให้อาหารทางสายยาง  ระหว่างตรวจต้องปลอบใจและให้ยาคลายเครียดเป็นบางครั้ง  ผมบอกว่าเธอจะดีขึ้นแน่นอน แต่ต้องใช้เวลานานสักหน่อย  ขอให้อดทนไว้

หลายวันผ่านไปสิ่งที่ผมสังเกตเห็นขณะมาตรวจคือเธอเริ่มยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น  ทั้งนี้คงเป็นเพราะกำลังใจมากมายจากครอบครัวและเพื่อนร่วมงานที่รักเธอด้วย  หลังจากนั้นเธอก็เริ่มลุกขึ้นสู้อีกครั้ง  โดยกินยาที่ให้อย่างสม่ำเสมอ เข้าคอร์สฝึกกายภาพบำบัดเพื่อฝึกความแข็งแรงและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ  ฝึกการพูดและการกลืนเป็นลำดับ ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็สามารถเดินเองได้โดยใช้อุปกรณ์ค้ำยันช่วยเหลือ และกลับบ้านได้ในที่สุด

ใครจะเชื่อ  ผมเจอเธออีกครั้งหลังจากนอนโรงพยาบาลประมาณสองเดือน  เธอถือถุงใส่มะม่วงที่ปลูกเองมาฝาก นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้ถึงประโยชน์ของการยอมรับ หรือการรักในชะตาชีวิตจริง ๆ

ทั้งสตีเฟ่น  ฮอว์กิ้ง และผู้ป่วยของผมรายนี้ต่างเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า การยอมรับ และ รักในชะตาชีวิต  หรือที่ตรงกับภาษาละตินที่ว่า amor fati จะเป็นต้นทางและนำพาเราไปสู่การแก้ไขปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตได้จริง ๆ เพราะเราจะไม่เสียเวลาไปกับการเศร้าเสียใจ และเป็นทุกข์ทรมานมากนัก

เมื่อเข้าใจเช่นนี้  เวลาทั้งหมดที่มีอยู่จึงเป็นไปเพื่อการเยียวยาและแก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั่นเอง

 

ที่มา  นิตยสาร Secret

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.