วิธีรับมือกับปัญหาในแบบของ ไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา
เวลา ไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา อยู่ต่อหน้าเพื่อน ต่อหน้าคนอื่น ๆ ไก่อยากให้ทุกคนมีความสุข ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง ไก่จะไม่นำความทุกข์ ความแค้น ความเจ็บช้ำน้ำใจ หรือปัญหาของตัวเองไปบอกใคร ขอเก็บไว้คนเดียว
เวลาคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ จะเข้าไปนั่งในห้องพระที่บ้าน แล้วเล่าปัญหาหนักอกของตัวเองให้พระพุทธรูปฟัง พอได้ระบายแล้วก็ค่อยสบายใจขึ้น เพราะว่าเรามันตัวคนเดียว ไม่สามารถจะบอกเล่าความทุกข์ของตัวเองกับคนอื่นได้ไก่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ผลบุญผลกรรม เพราะเคยรู้เคยพบเคยเห็น โดยเฉพาะความกตัญญูรู้คุณคนที่จะส่งผลให้เราอยู่ที่ไหนก็ไม่มีทางตกอับ ในชีวิตของไก่เองมีบุคคลที่มีพระคุณมากมาย บางครั้งเมื่อปัญหาต่าง ๆ ประดังเข้ามา เคยคิดอยากทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปเลย แต่พอมานึกอีกที คนข้างหลังเรา ลูกน้องเราล่ะ จะทำอย่างไร เมื่อคิดได้อย่างนี้ เราก็จะปล่อยให้ปัญหาค่อย ๆ คลี่คลายไปเอง ต้องคิดว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรจะเป็นก็ต้องเป็น ปล่อยให้มันเป็นตามวิถีทางของมัน” ไก่จะปล่อย แล้วนั่งนิ่ง ๆ ดูว่ามันจะไปถึงไหน และสุดท้ายไก่ก็หลุดพ้นปัญหาต่าง ๆ มาได้ ไก่คิดว่าเป็นผลบุญจากการที่เราได้ทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น ได้ทำงานดี ๆ ให้คนดู ผลบุญเหล่านี้คงจะย้อนกลับมาหาเราบ้างไม่มากก็น้อย
ตอนไปถ่ายละครต่างประเทศแล้วเหนื่อยมาก ไก่ก็จะขึ้นไปยืนบนภูเขาสูง กู่ร้องตะโกนทั้งน้ำตาว่า “ทำไม ทำไมเราต้องทำถึงขนาดนี้ ทำไมต้องเหนื่อยถึงขนาดนี้ ทำไม…” แล้วก็ร้องไห้เสียให้พอ พอสติกลับมา ก็รู้ว่าที่เหน็ดเหนื่อยทุกวันนี้ก็เพราะเรารักงานของเรา เราจึงอยากทำให้ดีที่สุด
บางครั้งเมื่อปัญหาต่าง ๆ ประดังเข้ามา เคยคิดอยากทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปเลย แต่พอมานึกอีกที คนข้างหลังเรา ลูกน้องเราล่ะ จะทำอย่างไร เมื่อคิดได้อย่างนี้ เราก็จะปล่อยให้ปัญหาค่อย ๆ คลี่คลายไปเอง ต้องคิดว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรจะเป็นก็ต้องเป็น ปล่อยให้มันเป็นตามวิถีทางของมัน” ไก่จะปล่อย แล้วนั่งนิ่ง ๆ ดูว่ามันจะไปถึงไหน และสุดท้ายไก่ก็หลุดพ้นปัญหาต่าง ๆ มาได้ ไก่คิดว่าเป็นผลบุญจากการที่เราได้ทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น ได้ทำงานดี ๆ ให้คนดู ผลบุญเหล่านี้คงจะย้อนกลับมาหาเราบ้างไม่มากก็น้อย ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ถึงกับทำให้ไก่ท้อแท้กับการทำงาน
ตอนไปถ่ายละครต่างประเทศแล้วเหนื่อยมาก ไก่ก็จะขึ้นไปยืนบนภูเขาสูง กู่ร้องตะโกนทั้งน้ำตาว่า “ทำไม ทำไมเราต้องทำถึงขนาดนี้ ทำไมต้องเหนื่อยถึงขนาดนี้ ทำไม…” แล้วก็ร้องไห้เสียให้พอ พอสติกลับมา ก็รู้ว่าที่เหน็ดเหนื่อยทุกวันนี้ก็เพราะเรารักงานของเรา เราจึงอยากทำให้ดีที่สุด
ไก่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ผลบุญผลกรรม เพราะเคยรู้เคยพบเคยเห็น โดยเฉพาะความกตัญญูรู้คุณคนที่จะส่งผลให้เราอยู่ที่ไหนก็ไม่มีทางตกอับ ในชีวิตของไก่เองมีบุคคลที่มีพระคุณมากมาย บางครั้งเมื่อปัญหาต่าง ๆ ประดังเข้ามา เคยคิดอยากทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปเลย แต่พอมานึกอีกที คนข้างหลังเรา ลูกน้องเราล่ะ จะทำอย่างไร เมื่อคิดได้อย่างนี้ เราก็จะปล่อยให้ปัญหาค่อย ๆ คลี่คลายไปเอง ต้องคิดว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรจะเป็นก็ต้องเป็น ปล่อยให้มันเป็นตามวิถีทางของมัน” ไก่จะปล่อย แล้วนั่งนิ่ง ๆ ดูว่ามันจะไปถึงไหน และสุดท้ายไก่ก็หลุดพ้นปัญหาต่าง ๆ มาได้ ไก่คิดว่าเป็นผลบุญจากการที่เราได้ทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น ได้ทำงานดี ๆ ให้คนดู ผลบุญเหล่านี้คงจะย้อนกลับมาหาเราบ้างไม่มากก็น้อยปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ถึงกับทำให้ไก่ท้อแท้กับการทำงาน แต่ที่ต้องเอ่ยถึงคือ 3 อรหันต์ในวงการบันเทิง คือ คุณเล็ก – ภัทราวดี มีชูธน ที่ถือได้ว่าเป็นครูคนแรกที่ทำให้ไก่รู้จักกับคำว่า “ละคร” สิ่งที่ได้จากคุณเล็กมีมากมาย สาธยายไม่หมด อีกคนคือ พี่จิ๋ม – มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช พี่จิ๋มทำให้ไก่ได้เรียนรู้งานอย่างเป็นกันเอง ให้ความรัก ความอบอุ่นเหมือนพี่น้อง และ พี่ก้อย – ทาริกา ธิดาทิตย์ ที่สอนให้ไก่กล้าคิด กล้าลงทุน และกล้าทำในสิ่งที่เราอยากทำ
ส่วนหนึงจากคอลัมน์ This Is Life ::: ความรัก (ที่ไม่เปิดเผย) ของไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา
นิตยสาร Secret ฉบับวันที่ 26 มิถุยายน 2556
เรื่อง วรายุฑ มิลินทจินดา
เรียบเรียง เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ
ภาพ วรวุฒิ วิชาธร
บทความน่าสนใจ
ปัญหาธรรมประจำวันนี้ : เวลา กรวดน้ำ ใครบ้างที่จะได้รับผลบุญที่อุทิศไป
หลักโยนิโสมนสิการ และกัลยาณมิตรสู่การมีชีวิตที่ดี โดย ท่าน ว.วชิรเมธี
ปัญหาธรรมประจำวันนี้: พระธาตุ ต่าง ๆ เป็นของแท้ที่ควรแก่การสักการบูชาหรือไม่