หลุยส์ สก๊อต ผู้ชายที่ใครๆ ก็ตกหลุมรัก
หนุ่มลูกครึ่งไทย - สกอต - จีน คนนี้ เรามักคุ้นเคยเขาในฐานะนักแสดงหนุ่มผมยาว เจ้าของรอยยิ้มหวาน
อันทรงเสน่ห์ พร้อมบุคลิกน่ารัก แลดูอบอุ่นไม่เหมือนใคร ในขณะที่หลายคนอาจคุ้นตากับภาพเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก กระโดดโลดเต้นจับไมค์ร้องเพลงบนเวทีอย่างสนุกสนานตั้งแต่หลายปีก่อนมากกว่าแต่ไม่ว่าคุณจะรู้จักเขาในฐานะใด ก็มั่นใจว่าเขา – หลุยส์ สก๊อต คงเคยสร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้คุณได้ไม่มากก็น้อย
ทีมงานละครหลายเรื่องแอบกระซิบว่า รู้สึกชื่นชมและเอ็นดูคุณหลุยส์มาก คิดว่าน่าจะเป็นเพราะอะไรคะ
ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนมาก ๆ ครับ อาจเป็นเพราะผมพูดคุย คอยเอาใจใส่คนอื่นในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ละมังครับ บางวันผมอยู่กับทีมงานถ่ายละครตั้งแต่กลางคืนถึงเช้าของอีกวัน ผมเห็นพวกเขาทำงานกันตลอดเวลา ทั้งยกไฟ ขนของ ดูแลทุกอย่าง ไม่เหมือนผมที่เป็นดารา เข้าฉากแค่บางซีน แล้วก็ได้พักในห้องแอร์ แต่ทีมงานเขายืนถ่ายข้างนอกกันมาตั้งแต่เทปแรกแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องเหนื่อยกว่าผมหลายเท่า ผมมักจะคิดเอาใจเขามาใส่ใจเราเสมอ ถ้าเห็นใครทำหน้าเหนื่อย ๆเพลียมาก ๆ ผมจะทำหน้าแบบนี้ (ทำหน้ายิ้มทะเล้น) แล้วบอกให้เขาสู้ ๆ อีกนิดเดียวหรือไม่ก็หาเรื่องตลก ๆ มาเล่าให้ได้เฮฮากันเล่นมุกแป้กบ้าง ทำตัวติงต๊องบ้าง (หัวเราะ)แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ทีมงานได้หัวเราะความเหนื่อยก็หายไปได้แป๊บหนึ่ง แล้วค่อยกลับมาลุยงานกันต่อ ผมว่าถ้าเราเปลี่ยนทุกอย่างให้สนุก ให้เป็นแง่ดี งานก็จะออกมาดี คนที่เราทำงานด้วยเขาก็ยิ้มแย้มมีความสุข เราก็จะสนุกและมีความสุขไปด้วย
คำสอนของคุณแม่ข้อไหนที่รู้สึกประทับใจมากที่สุดคะ
“ความจำเป็น” ครับ คุณแม่ชอบเตือนเสมอว่า จำเป็นไหม จำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ไหม จำเป็นที่จะต้องพูดแบบนี้ไหมจำเป็นหรือเปล่า เคยมีครั้งหนึ่งค่ายอาร์เอสพาศิลปินในค่ายทั้งหมดไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่ญี่ปุ่นฟรี ขากลับทุกคนก็ซื้อของกลับบ้านกันกระหน่ำมือ แต่ผมซื้อดินสอกลับบ้านแค่แท่งเดียว เพราะเป็นดินสอสีที่เมืองไทยไม่มี ใคร ๆ ก็มารุมถามว่า ทำไมซื้อน้อยจังผมบอกว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อ ทั้ง ๆ ที่ในใจผมอยากได้รองเท้าคู่หนึ่งมากเลยนะ แต่คิดทบทวนหลายรอบแล้ว รู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องซื้อ เพราะที่บ้านมีรองเท้าตั้งสองคู่แล้วยังใส่ได้ดี ไม่ขาดเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกคนก็ล้อว่าผมเป็นคนขี้งก แต่ผมก็งกจริง ๆนั่นแหละครับ (หัวเราะ) ผมคิดเยอะน่ะครับและอีกอย่าง ผมเห็นคุณแม่เหนื่อยมาตลอดแล้วด้วย ไม่อยากให้ท่านกลับไปเหนื่อยอีก
เป็นลูกครึ่งที่พ่อแม่อาจจะนับถือศาสนาต่างกัน ตัวคุณหลุยส์เองนับถือศาสนาอะไรคะ
คุณพ่อผมเป็นคริสเตียน คุณแม่นับถือพุทธ ส่วนผมก็นับถือศาสนาพุทธครับ จริง ๆ ผมจะเลือกนับถือศาสนาอะไรก็ได้นะครับ คุณแม่ไม่ได้บังคับ ผมเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้เราทำในสิ่งที่ดี แต่เหตุผลที่ทำให้ผมชอบพุทธศาสนา เพราะผมเป็นคนไทย และอีกเหตุผลคือ ผมว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มีคอมมอนเซ้นส์หรือความเป็นปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมนำมาใช้เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตเลยนะ เช่น ถ้าผมรู้สึกหมั่นไส้แล้วเดินไปตีหัวผู้ชายคนหนึ่งเขาก็จะหันมาต่อยผมคืนทันที มันคือคอมมอนเซ้นส์ที่เราไปทำร้ายเขาก่อน เขาก็ย่อมจะหันมาทำเรากลับ ไม่ใช่เป็นเพราะมีใครดลใจ แม้แต่การนั่งสมาธิก็เหมือนกันสำหรับผม คือการเตรียมความพร้อมของจิตใจตัวเอง ไม่มอง ไม่สนใจคนอื่น คอยรู้ทันใจตัวเอง ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงอะไรทั้งหมด คอมมอนเซ้นส์คือ ใจเราก็จะเย็น พอไปคุยกับใคร เขาก็จะใจเย็นตามไปด้วย แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะเกิดตามมาเองพุทธศาสนาสอนผมให้เข้าใจในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีครับทำงานหนักทุกวันอย่างนี้
มีโอกาสไปทำบุญบ้างไหมคะ
ทำตามวาระโอกาสครับ อาจเพราะผมรู้สึกว่าพุทธศาสนาเป็นคอมมอนเซ้นส์ครับ ดังนั้น ถ้าผมรู้สึกอยากจะทำบุญ
เมื่อไร หรือพอมีเวลาช่วงไหน ก็ค่อยไปทำบุญก็ได้ ผลของบุญจึงออกมาดี เพราะเราไม่รู้สึกถูกบังคับ ไม่อึดอัดใจ อย่างช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาได้เข้าวัดทำบุญสักเท่าไร ก็หาโอกาสทำบุญในกองถ่ายนี่แหละครับ ทั้งการทำให้คนอื่นยิ้มได้ ทำให้เขามีความสุข ผมก็จะสุขไปด้วย แค่นี้ผมก็ได้บุญแล้ว แต่ถ้าเป็นการทำบุญที่วัด ส่วนใหญ่ผมจะชอบไปวัดที่เชียงใหม่ มีเวลาปุ๊บก็เข้าวัดปั๊บ บางทีไปนั่งฟังพระเทศน์ สนทนาธรรมกับท่าน บางทีก็ถวายสังฆทานบ้าง หรือไม่ก็แค่ไปนั่งดูโบสถ์ ดูนกใต้ต้นไม้ นั่งนิ่ง ๆทอดสายตาไปเรื่อยเปื่อย จะรู้เลยว่าใจเราสบาย สงบ ไม่ตึง ไม่เครียด เป็นความรู้สึกที่ดีมาก วัดเป็นสถานที่ที่ผมอยู่แล้วสบายใจ ทั้ง ๆ ที่เราตั้งใจจะเป็นผู้ให้ แต่กลับได้ความสุขใจกลับมามากกว่าเสียอีก
เรื่อง ชลธิชา แสงใสแก้ว
ขอบคุณภาพปกจาก ช่องสาม Channel 3, Movie Sanook
บทความน่าสนใจ
ไม่กลัวความตายแต่กลัวการเกิด โบวี่ - อัฐมา ชีวนิชพันธ์
ไม่ยึดติดกับความคิด ธรรมะจากพระไพศาล วิสาโล