หลังจากไปทํางานถ่ายแบบเดินแบบที่ญี่ปุ่นได้2เดือน ดิฉัน (คารา พลสิทธิ์) ก็เดินทางกลับเมืองไทยโดยไม่ล่วงรู้เลยว่ามีข่าวที่ทําให้เสียใจรออยู่
แฟนหนุ่มอดีตนายแบบแอบไปคบคนอื่นนานแค่ไหนแล้ว ดิฉันไม่ทราบแต่ทราบอีกทีก็ต่อเมื่อเดินทางกลับจากญี่ปุ่นแล้ว ดิฉันช็อกมากเพราะแม้เราจะไม่เคยพูดเรื่องแต่งงานกันแต่ดิฉันคิดมาตลอดว่าเขาคือคนที่เราจะใช้ชีวิตด้วย แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ดิฉันจําต้องบอกเลิกกับเขาและใช้ชีวิต2ปีให้หลังทั้งน้ําตาร้องไห้ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงเขา แถมช่วงนั้นด้วยความเสียใจทําให้ตอบปฏิเสธงานจากเอเจนซี่ญี่ปุ่นที่ติดต่อมาอีกครั้งด้วย
ตอนนี้มาย้อนคิด ดิฉันพบว่าการกระทําของตัวเองไร้สาระมาก เสียใจจนไม่เป็นอันทํางานทําการ ทั้งที่ความจริงเป็นเรื่องธรรมดา ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเวลาเห็นเขาโดยบังเอิญ ดิฉันก็ยังน้ําตาไหลแต่จะให้ไปรักอีกก็ไม่รักแล้วเพราะเขาก็มีครอบครัวของเขา
หลังจากนั้นดิฉันเคยมีแฟนบ้างแต่เลิกรากันไปหมดเพราะดิฉันชอบทําอะไรคนเดียว มีความรู้สึกว่าคล่องตัวมากกว่า ความจริงมีแฟนก็มีความสุขไปอีกแบบแต่สุดท้ายก็รู้สึกอึดอัดไม่สามารถทําอะไรที่อยากทํา อย่างเรื่องง่ายๆแค่ให้อาหารหมาที่บ้านซึ่งเลี้ยงไว้หลายตัวดิฉันจะใช้เวลาคลุกข้าวเป็นชั่วโมง พอมีแฟนเขาก็จะรู้สึกว่าทําไมให้อาหารหมานานจังหรือเขาชอบไปเดินจตุจักรดูคอนเสิร์ต แต่ดิฉันไม่ชอบไปในที่ร้อนๆหรือที่ที่มีคนเยอะๆเราเลยไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันทําให้ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าดิฉันน่าจะไม่เหมาะกับการมีแฟนไม่ใช่เพราะอกหักเข็ดกับความรักแต่เป็นเพราะมีแฟนแล้วรู้สึกว่าชีวิตไม่ค่อยเป็นอิสระ
ชีวิตสาวโสดที่มีความสุข
ทุกวันนี้ดิฉันมีความสุขที่ได้อยู่บ้าน ได้อยู่กับหมา แมว ธรรมชาติ ส่วนคุณแม่และน้องชายอยู่เมืองนอก คุณพ่อเสียไปนานแล้ว เมื่อก่อนเวลามีปัญหาอะไรดิฉันก็จะปรึกษาเพื่อนบ้าง แต่พอนานไปก็ได้เรียนรู้ว่าปรึกษาตัวเองหรือผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ ไปเลยดีที่สุด มีปัญหาเรื่องสุขภาพก็ปรึกษาหมอ เรื่องคดีความก็ปรึกษาทนายความ แล้วเราจะได้คำตอบสำหรับการแก้ปัญหาได้ตรงจุดจริง ๆ
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรียกได้ว่าตกงาน เพราะงานลดลงมากจนรู้สึกเครียด และมีงานเดินแบบบางงานที่บอกยกเลิกโดยที่ไม่ได้แจ้งเหตุผล ดิฉันพยายามสอบถามจึงได้รู้ความจริงว่า เป็นเพราะดิฉันตัวใหญ่ขึ้น จึงไม่สามารถใส่ชุดของดีไซเนอร์ได้ เมื่อรู้ความจริงอย่างนั้น ดิฉันก็ยอมรับได้ เพราะสมัยก่อนเคยหนัก 52 กิโล ตอนนี้หนักถึง 62 กิโล สะโพกจาก 36 นิ้วก็ขยายออกเป็น 40 นิ้ว แถมดิฉันยังไม่ชอบออกกำลังกายเอามาก ๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้นร่างกายก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทั้งที่พยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุดตามวัย แต่ตอนนี้ผมกับคิ้วของดิฉันบางกว่าเมื่อก่อนมาก ที่เคยเอวบางร่างน้อยก็กลายเป็นเอวหนาขึ้น แต่ที่ทำให้รู้สึกดีมากคือผิวพรรณ ที่มักมีคนชมว่าดูอ่อนเยาว์ ซึ่งเป็นผลมาจากการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หลังจากตกงานอยู่ 6 เดือน ที่สุดรายการ เช้านี้ที่ช่อง 5 ก็ติดต่อให้เป็นพิธีกรประจำ ซึ่งดิฉันทำอยู่ 4 ปี พร้อมกับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสถาบันดูแลผิวหน้า The Skin Doctor รวมถึงปัจจุบันดิฉันกำลังสนุกกับการส่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิว คลาริส บาย คารา (KLARIS by Kara) ที่ดูแลเองทุกขั้นตอนให้กับลูกค้าทางไปรษณีย์ และเป็นวิทยากรอบรมบุคลิกภาพให้กับองค์กรต่าง ๆ อีกด้วย
รู้จักบริหารใจ บริหารเงิน
ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยเครียดกับเรื่องการจัดการมรดกและหนี้สินของคุณพ่อ ซึ่งต้องขึ้นโรงขึ้นศาลยืดเยื้อยาวนานนับสิบปีกว่าจะสิ้นสุดพอผ่านเรื่องนี้มาได้ก็มาเจอปัญหาในการสร้างบ้าน เครียดเกี่ยวกับผู้รับเหมา ส่วนคดีหลังสุดที่เป็นเรื่องชู้สาว คดีความก็เพิ่งจบลงไปเมื่อปีที่แล้ว โดยศาลตัดสินว่าข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริง
เมื่อก่อนดิฉันเป็นคนจริงจังกับชีวิต เครียดง่าย อย่างเช่นเป็นพิธีกรก็จะเครียดล่วงหน้าไปหนึ่งอาทิตย์ กลัวจำบทไม่ได้ กลัวพูดไม่ดี กลัวคนไม่ชอบ พอถ่ายงานเสร็จกังวลอีกว่า “ฉันพูดผิดไปสองประโยค” ทั้งที่ความจริงคนอื่นเขาลืมไปหมดแล้ว มีแต่เราคนเดียวที่ยังจำ หรือมีแฟนก็เครียดอีก กลัวเขาจะไปมีคนอื่น
แต่ตอนนี้ดิฉันปล่อยวางได้เยอะมาก ไม่เครียดเหมือนเก่าแฟนก็ไม่มี คิดอย่างเดียวเท่านั้นคือวางแผนทางการเงิน เพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างไม่ประมาท
นอกจากมีบ้านเป็นของตัวเอง ดิฉันยังซื้อคอนโดสำหรับให้เช่าไว้ 5 ห้อง เพื่อนบางคนพูดว่า “เธอจะบ้าเหรอ ทำไมต้องมีคอนโด5 ห้อง เยอะไป” แต่ดิฉันมองว่าเรายังมีศักยภาพที่จะทำได้ แถมยังคิดว่าตัวเองซื้อช้าไปด้วยซ้ำ เพราะเมื่อก่อนชอบฟังความคิดเห็นของคนอื่น พอใครบอกว่าเสี่ยง เราก็ไม่กล้า ทั้งที่ความจริงแล้วการลงทุนตอนที่เราอายุยังน้อยจะดีกว่า เพราะหากเกิดความผิดพลาดเราก็ยังมีโอกาสลุกขึ้นใหม่ได้ง่าย
ดิฉันจึงอยากบอกคนรุ่นใหม่ว่า ถ้าจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ควรทำตั้งแต่เริ่มทำงานเลย อย่าชะล่าใจว่าอายุยังน้อย ภาระยังเยอะ แบ่งเงินมาลงทุนไว้บ้าง ผ่อนไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งก็เป็นของเราดีกว่าจับจ่ายใช้สอยไปเรื่อย ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ชีวิตของดิฉันอาจไม่โลดโผนหรือเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าตื่นเต้นเหมือนคนอื่น ๆ แต่คิดว่าน่าจะเป็นตัวอย่างของผู้หญิงโสด ที่อยากใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทและเต็มไปด้วยความสุขที่มาจากสิ่งเล็ก ๆ น้อยรอบ ๆ ตัวค่ะ