เชอรี่ เลขาฯกองบรรณาธิการนิตยสารซีเคร็ตชอบกินมังคุดเป็นชีวิตจิตใจ
วันหนึ่งเมื่อรู้ว่ากองบรรณาธิการจะเดินทางไปทำคอลัมน์กันที่จังหวัดจันทบุรี เธอจึงฝากซื้อมังคุดพร้อมกับบอกว่า
“ซื้อมาเลยพี่ 3 กิโล หนูกินคนเดียวหมด”
คนรับฝากไม่อยากให้น้องผิดหวังจึงทำตามคำฝากฝังอย่างเคร่งครัด แต่เนื่องจากวันที่กลับมาถึงกรุงเทพฯ เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มของวันศุกร์ จึงทิ้งถุงมังคุดเอาไว้ในห้องทำงาน
เช้าวันจันทร์ ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้ามา ก็ได้ยินเสียงสไตลิสต์ซึ่งเดินทางไปจันทบุรีกับเขามาด้วยพูดกับฉันด้วยเสียงอันดังว่า
“ มีคนขโมยมังคุดค่ะ พี่จุ๋ม นี่ค่ะ ซื้อมังคุดมา 3 กิโล เหลือให้เชอรี่กินแค่ 3 ขีด มีคนขโมยแน่ ๆ แถมยังทิ้งเปลือกมังคุกไว้ในถังขยะด้วย”
ฉันอึ้งไปห้าวินาที ตั้งแต่เล็กจนโตแม่สอนว่าห้ามหวงของกินเป็นอันขาด ถ้าซื้ออะไรมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ถือว่าทุกคนกินได้หมด แม้จะไม่เหลือให้คนซื้อกินเลยก็ตาม ฉันจึงบอกน้องว่า
“เอาน่า คนกินคงหิว หรือไม่ก็อยากกิน แต่อาจไม่มีเงินซื้อกิน แค่ของกินเอง ช่างมันเถอะ”
เจอฉันพูดแบบนี้ น้อง ๆ ก็เลยเงียบไป แต่ฉันกลับเป็นฝ่ายที่ต้องกลับมาคิดทบทวนว่าทำถูกจริงหรือ จริงอยู่การไม่หวงของกินเป็นเรื่องที่ดี แต่การขโมยของกินไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเช่นกัน อีกสิบนาทีต่อมา ฉันบอกเชอรี่ว่า
“ช่วยสืบให้พี่หน่อยว่า ใครกินมังคุดไป บอกเขาด้วยว่าพี่ไม่ได้ว่าเรื่องกินมังคุด แต่การกินโดยไม่ขออนุญาตมันเท่ากับขโมย แค่อยากเตือนว่าเขาทำไม่ถูก ถ้าอยากกินหรือหิวจริง ๆ ก็ให้มาขอก่อน”
เชอรี่ไม่ได้มาบอกว่าหาคนกินเจอไหม แต่ฉันเชื่อว่าอย่างน้อยสารที่อยากบอก “ใครคนนั้น” คงไปถึงเขาแล้ว
ล่าสุดฉันซื้อทุเรียน 1 ลูกมาให้น้อง ๆ เนื่องจากมันยังไม่สุก ต้องรออีกวันสองวันจึงจะกินได้ จึงทิ้งไว้ในออฟฟิศ แต่ดูเหมือนทุกคนจะระแวงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับมังคุด ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้อง ๆ จะทำอย่างไร ฉันแซวพวกเขาขำ ๆ ว่า
“เอาใส่ตู้ ล็อคกุญแจเลยดีไหม”
ปรากฏว่า น้อง ๆ เอาทุเรียนใส่กล่อง แล้วใช้กระดาษปิดไว้ด้านบน พร้อมกับเขียนที่ฝากล่องว่า
“ของบก.ห้ามขโมย การขโมยของผิดศีลข้อ 2 ตายไปจะตกอบายภูมิ”
สมกับเป็นกองบรรณาธิการนิตยสารซีเคร็ตจริง ๆ
พัชรา โพธิ์กลาง
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Secret