เลิกซะ! 5 นิสัยชอบทำเพื่อคนอื่น แต่ตัวเอง ไม่มีความสุข
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงมักชอบอยู่รวมกลุ่ม และแสดงความคิดเห็นในทางเออออคล้อยตามกัน เพราะไม่มีใครอยากถูกเกลียด จน ไม่มีความสุข หรือเป็นคนนอกคอก จนทำให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
แต่หากเรานำชีวิตของเราไปผูกไว้กับความคิดคนอื่นมากไป จนต้องไม่เป็นตัวของตัวเอง จนต้องเสแสร้งใช้ชีวิต บางครั้งอีกฝ่ายอาจไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ ก็จะมีแต่เราเท่านั้นที่รู้สึก ฝืนใจ เหนื่อย อึดอัดใจอยู่คนเดียว จนอาจไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตเลย อาจถึงขั้นเกลียดตัวเองแทนก็เป็นได้
แล้วเราจะทำอย่างไรให้ความสุขของตัวเองและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นไปด้วยกันได้ คำตอบก็คือ เลิกนิสัยที่ทำเพื่อคนอื่นได้แล้ว
เลิกขี้กังวล
การกังวลมีข้อดีที่ช่วยให้เราเป็นคนรอบคอบมากขึ้น แต่หากกังวลมากไป กังวลถึงอนาคตที่ยังไม่มาถึง กังวลถึงภาพลักษณ์ตัวเองเพราะไม่มั่นใจ คนเหล่านี้จึงเอาแต่สนใจและแคร์สายตาหรือความคิดผู้อื่นเสมอ เมื่อเป็นแบบนี้บ่อยๆ ความเครียดก็ถาโถม จากที่เคยรอบคอบ กลับกลายเป็นสะเพร่าเลินเล่อ ลนลาน ยิ่งทำให้ผิดพลาด ไม่มีความสุขไปกันใหญ่
แม้ความเครียดจะไม่ดี แต่ความเครียดในระดับที่พอดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย เพราะช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัว กระตือรือร้น และสร้างสมาธิได้ แต่การมีความเครียดรุนแรงเป็นเวลานาน จะทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เลือดไหลเวียนไม่ดี นอนไม่หลับ กินไม่ลง ป่วยง่าย จิตใจก็จะย่ำแย่ตามไปด้วย
หากไม่อยากเป็นแบบนั้น ก็แค่ต้องเลิกกังวล เลิกเครียดโดยไม่จำเป็น โดยเราอาจเริ่มจากสร้างสภาพแวดล้อมให้ตัวเองมองโลกในแง่ร้ายน้อยลง เพื่อจะได้เลิกกังวล เช่น หากมีเรื่องกังวลในใจ ให้ลองพักแล้วหันมาทำสิ่งที่ชอบหรือถนัดดูก่อน เพื่อบรรเทาความกังวลจากเรื่องอื่น เมื่อรู้สึกมีสมาธิแล้ว ค่อยกลับไปทำสิ่งที่กังวลอยู่ก็จะทำได้ดีกว่าเดิม
หรือปลดปล่อยตัวตน เป็นตัวของตัวเองบ้าง บางคนอาจจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดูดีเสมอ ในที่ทำงานเราจะต้องดูเคร่งขรึม ต้องสำรวม แต่เมื่อไรที่อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว หรือถึงวันหยุดของเรา ก็ขอให้เราเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ทำในสิ่งที่คือตัวเรา เช่น เขียนบล็อก ดูภาพยนตร์ ไปงานคอนเสิร์ต ไปงานนิทรรศการ ไปลงคอร์สเรียนที่สนใจ ท่องเที่ยว หรือสิ่งที่เราชอบ เพื่อให้ความเครียดบรรเทาลง ไม่สะสมจนมีแต่ความทุกข์
เลิกกลัวการปฏิเสธ
สาเหตุที่เราไม่กล้าปฏิเสธคนอื่น เพราะเรากลัวว่าอีกฝ่ายจะมองว่า เป็นคนไม่เข้าสังคม ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ หรือคิดว่า เขาอุตส่าห์ชวน ถ้าปฏิเสธอีกฝ่ายอาจจะรู้สึกไม่ดี กลัวว่าเขาจะไม่ชวนอีก
แต่จริงๆ แล้ว หากสิ่งที่เขาชวน เราไม่ได้สนใจจริงๆ การต้องเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านั้นเพราะไม่กล้าปฏิเสธก็เท่ากับยกเวลาส่วนหนึ่งของเราให้กับคนอื่น แถมทำไปแล้วอาจไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมา เหนื่อยทั้งกายและใจ แถมอาจเสียเงินอีก
เราอาจเรียกคนที่ไม่กล้าปฏิเสธคนอื่นว่า คนที่ไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง เพราะเป็นการปฏิเสธตัวเอง ปฏิเสธความคิดและการใช้ชีวิตในแบบของเรา
แต่บางคนก็อยากปฏิเสธ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง พอโกหกออกไป อีกฝ่ายก็จับได้ทันทีและอาจคิดว่าเราไม่น่าคบจริงๆ ดังนั้น เราต้องหาข้ออ้างที่ทำให้อีกฝ่ายคิดว่า ‘เอ้า งั้นหรอ งั้นก็ช่วยไม่ได้นะ เสียดาย ไว้คราวหน้าละกัน’
ข้ออ้างที่ใช้ได้ดีคือ เรื่องการเรียน เช่น มีลงคอร์สเรียนแบบเสียเงินเอาไว้ ขาดไม่ได้ เพราะแพงมาก หรือข้ออ้างเรื่องครอบครัวและคนรัก เช่น ต้องไปรับลูกจากโรงเรียน ต้องไปงานกิจกรรมลูก นัดแฟนไว้แล้ว ต้องไปงานแต่งงานเพื่อนสนิท หรือเจ้านายให้ทำงานเร่งด่วนให้ แต่อย่าอ้างเรื่องเงินเพราะ อีกฝ่ายอาจจะบอกว่า เดี๋ยวออกให้ก่อน กลายเป็นคุณสร้างหนี้ให้ตัวเองอีก
เลิกเอาใจทุกคน
โลกนี้ไม่มีใครที่ได้รับแต่ความรักหรอก แม้เราจะดีจะเก่งแค่ไหน ก็อาจยังคงมีคนหมั่นไส้เราได้อยู่ดี ดังนั้น การเอาใจทุกคน การตามใจทุกคนจึงไม่ใช่คำตอบว่า เราจะไม่ถูกเกลียดจากใคร
เวลาที่เราบ่นว่า งานเยอะจังเลย อาจจะมีคนบอกมาว่า นั่นสิ ทำไม่ทันแล้ว แต่ก็อาจจะมีบางคนที่บอกว่า เลิกบ่นเสียที เอาเวลาไปทำงานดีกว่า หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าง อากาศร้อนจัง บางคนอาจจะตอบว่า ใช่ ร้อนจริงด้วย แต่อีกคนอาจจะพูดว่า ยิ่งพูดก็ยิ่งร้อน เลิกพูดได้ไหม หรือบางคนที่อยู่กับอากาศร้อนๆ มาตลอด อาจจะพูดว่า ก็ไม่เห็นร้อนขนาดนั้นเสียหน่อย เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นว่า แม้เป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้มีความถูกต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เรายังคิดเห็นไม่เหมือนกันได้ คนที่คิดไม่เหมือนเราจะเกลียดเรางั้นหรือ แล้วเราจะเกลียดคนที่คิดไม่เหมือนเราไหม?
ดังนั้น การที่จะเอาใจทุกคนเพราะไม่อยากถูกเกลียดนั้น เป็นไม่ได้ได้ ความคิดเราอาจจะไม่ถูกใจใครคนอื่น แต่นั่นหมายความว่า เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยความตั้งใจและความคิดของตัวเองต่างหาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
แต่เราไม่ได้หมายความว่าให้เลิกสนใจคนอื่นไปเลย การที่จะวางตัวไม่ให้เกลียด โดยไม่ต้องเอาใจทุกคนนั้น สามารถทำได้ โดยการ เลือกฟังเฉพาะสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อตัวเรา หากคนนี้ทำงานเก่ง ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จได้ ก็หาทางคุยกับเขาเรื่องงาน ขอคำแนะนำต่างๆ แต่เรื่องส่วนตัวก็ไม่จำเป็นก็ได้ แต่ถ้าหากมองแล้วว่า คนๆ นี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ข้อเสียทำให้เราเป็นทุกข์ แล้วข้อดีนั้นไม่ได้จำเป็นสำหรับเราก็หาทางอยู่ห่างไว้ดีกว่า
เลิกทำตามคนอื่น
เรามักเลี่ยงการปะทะคนอื่น ด้วยการ เออออตามคนอื่น เพื่อที่จะไม่ต้องขัดแย้งกันและไม่ต้องรับผิดชอบอะไรภายหลังคนเดียว แต่การทำแบบนี้ก็อาจทำให้ตัวตนของเราหายไป ทำให้เราไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
การทำตามคนอื่นอาจโดนคนอื่นมองว่า เป็นคนดี เป็นคนหัวอ่อน แต่อันที่จริงแล้วเรียกว่าเป็นคนที่ไม่กล้า ไม่มั่นใจ ไม่เชื่อในตัวเองมากกว่า
เช่น พอใครบอกว่าดี เราก็บอกว่าดี ใครบอกว่าไม่ดี เราก็บอกว่าไม่ดี หากทำบ่อยๆ โดยไม่ไตร่ตรองพิจารณาหรือพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อน จะทำให้เราไม่กล้าคิดอะไรเอง ไม่กล้าตัดสินใจเอง และรอให้คนอื่นเป็นฝ่ายเปิดปากก่อนเสมอ แม้ความคินั้นเราจะรู้สึกขัดแย้งในใจก็ตาม กลายเป็นว่าเก็บกดมันไว้ในใจจนอึดอัดแทน
การที่จะเลิกทำตามคนอื่นๆ นั้น ทำได้ง่ายมาก คือ การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง อาจเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน เช่น อยากกินข้าวกะเพรา ก็เลือกสั่งกะเพรา เลือกไปร้านอาหารที่มีกะเพรา โดยไม่ต้องเอ่ยปากถามคนอื่นว่าจะกินอะไรดี
เวลาซื้อของก็ไม่คิดแค่ว่า เขาบอกว่าดี ให้คิดว่าเราซื้อมาแล้วจะได้ใช้ประโยชน์อะไรจากมัน แล้วใช้เหตุผลนั้นในการบอกตัวเองว่า ซื้อของชิ้นนี้ดีแล้ว ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาบอก เพราะเรารู้ตัวเองดีที่สุดว่ามันดีต่อเราจริงหรือไม่
เรื่องการทำงาน แม้เราจะต้องทำตามหัวสั่งก็จริง แต่วิธีการดำเนินงานนั้น เราสามารถคิดเองได้ เลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา ให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะทางไหนแบบนี้ไม่เรียกว่าทำตามคนอื่น
การฝึกคิดแบบนี้จะช่วยให้เรากลายเป็นคนมีเหตุผล ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรหรือทำอะไรก็ใช้เหตุผลมารองรับ ทำให้เราไม่ต้องคล้อยตามกับคนอื่นง่ายๆ ชีวิตก็จะมีความสุขมากขึ้น
เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น มีข้อดีที่ช่วยให้เรากระตือรือร้น อยากพัฒนาตัวเอง แต่บางครั้งก็ทำให้เรากดดันตัวเองมากเกินไปจนไม่มีความสุข
สิ่งที่ควรทำคือ เปรียบเทียบตัวเองในวันนี้กับตัวเองในเมื่อวาน เมื่อวานเราทุกข์เพราะอะไร วันนี้เราเลี่ย่งมันได้ไหม ถ้าไม่ได้จะมีทางไหนช่วยเรารับมือได้บ้าง หรือเมื่อวานเราสนุกที่ได้ทำอะไร วันนี้เราจะทำได้อีกไหม หากทำแบบนี้เราก็จะเข้าใจตัวเองและมอบความสุขให้ตัวเองได้ทุกวัน
เมื่อค้นหาสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขได้ เราทำได้อย่างเต็มที่ ทำด้วยความตั้งใจ เราจะรู้สึกได้เองถึงการพัฒนาการของตัวเองและรับรู้ถึงความสุขที่เกิดขึ้นได้
หากเราได้ทำบางสิ่งบางอย่างอย่างเต็มที่และสนุกสนานไปกับมัน เราจะมีความสุข พอใจในตัวเอง สุดท้ายแล้วเราจะเลิกเปรียบเทียบกับคนอื่น เลิกอิจฉาริษยาคนอื่น และยอมรับความสุขความสำเร็จของคนอื่นได้ ก็เพราะเรามีความสุขและมั่นใจในตัวเอง
ข้อมูลประกอบจากหนังสือ เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข
เขียนโดย โกะโด โทคิโอะ
สำนักพิมพ์ Amarin How-To
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- 7 วิธี เปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนตัวคุณ ‘ให้ดีขึ้น’
- หลักจิตวิทยาคนทำงาน กับบันได 6 ขั้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ!
- 5 สัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาต้อง เปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วล่ะ!
- 5 วิธีมีสติ ใช้ชีวิตอย่างคนฉลาด เพื่อเปลี่ยนเราให้เป็นคนใหม่
- 5 วิธีเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น เพื่อเริ่มใหม่ในปี 2021
- 7 วิธีรับมือกับอาการ “เบื่องาน” แต่ยัง ลาออก ไม่ได้