สลายความเครียด สูตร ท่าน ว.วชิรเมธี ทำง่าย ได้ผลจริง!
สลายความเครียด ไม่ใช่เรื่องยาก เคล็ดลับง่ายๆ ก็คือ ฝึกตนให้เป็นบุคคลที่มีสติอยู่เสมอ เพราะวินาทีที่เรามีสตินั้น ความทุกข์จะแทรกเข้าสู่จิตใจส่วนลึกของเราไม่ได้ เมื่อใจไม่ถูกความทุกข์ยึดครอง ใจจึงผ่องใส สงบ เย็น เป็นสุข
แต่สำหรับคนทั่วไปที่ยังไม่คุ้นชินกับการเจริญสติ ท่าน ว.วชิรเมธี มีสูตรสลายความเครียดในระดับสัมมาทิฐิ มาให้ปฏิบัติ ดังนี้
1. ดูลมหายใจ
เวลาเกิดความเครียดขึ้นมาในชีวิต ไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดก็ตาม อย่าเพิ่งโวยวาย หรือตีโพยตีพาย ให้ลองหันกลับมาสังเกตลมหายใจของตัวเอง หายใจเข้ายาวๆ หายใจออกยาวๆ ช้าๆ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องคาดหวัง ดูลมหายใจของตัวเองสบายๆ ทำไปสัก 5-10 นาที จิต สมอง กล้ามเนื้อจะเกิดการผ่อนคลาย ความเครียดจะค่อยๆ เจือจางลงไปโดยลำดับ ถ้าทำแล้วรู้สึกดีจะเพิ่มเป็นกี่นาทีก็ได้
2. ดูความคิดแต่ไม่ตัดสิน
พอสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายแล้ว ให้ลองสังเกตความคิดของตัวเองดูว่ากำลังคิดเรื่องใด สังเกตเฉยๆ อย่าพยายามตัดสิน ทำตนเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างเดียว พอเราเริ่มสังเกตความคิด ความฟุ้งซ่านจะหายไป จิตจะเกิดการสว่าง คลี่คลาย ในบางกรณีจะเกิดปัญญาสว่างวาบ ทำให้สามารถปล่อยวางความเครียดให้หลุดผัวะออกไปได้อย่างทันตาเห็น
3. ในโลกนี้ล้วนมีเพื่อนทุกข์มากมาย
เมื่อเครียดมากๆ ด้วยเรื่องใดก็ตาม ถ้าเรามองตนเองเทียบกับคนที่สูงกว่า เราจะรู้สึกแย่มากที่สู้เขาไม่ได้ แต่ถ้ามองเทียบกับคนที่ต่ำกว่า เราจะรู้สึกลำพองอหังการ ขณะเดียวกันถ้าเรามองตัวเองเทียบกับคนทั่วไป ก็จะพบว่ายังมีคนอีกมากมายที่เขาก็พบปัญหา มีความทุกข์มากมายในชีวิตเหมือนกันกับเรา และนั่นจะทำให้เราค้นพบความจริงว่า เรายังคงมีเพื่อนทุกข์อีกมากมายในโลกใบนี้
4. เดินออกจากความเครียด
เวลาที่เครียดมากๆ ควรหาวิธีระบายออก ด้วยการพูด การทำงาน หรือเดินออกจากสภาพแวดล้อมที่ทำให้เครียด บางทีอาจเป็นการทำงานอดิเรกอะไรก็ได้ จะทำให้จิตใจได้พักผ่อนและความเครียดจะลดลง
5. ใช้ชีวิตตามความจำเป็น ไม่ใช่ความอยาก
หากความเครียดนั้นมาจากสาเหตุทางเศรษฐกิจ ก็ควรเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตให้หันมายืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงให้มากขึ้น เช่น ลดความอยากให้น้อยลง บริโภคตามความจำเป็น (ไม่ใช่ตามความอยาก) กิน ดื่ม เสพและใช้ปัจจัยสี่อย่างมีสติ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อการเสียเงินโดยใช่เหตุ ลดรายจ่ายที่เป็น ”ส่วนเกิน ของชีวิตลงให้มากที่สุด กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ต้องพยายาม ”จมให้ลง อย่าแสร้งสร้างภาพเป็นคนร่ำรวยทั้งๆ ที่ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย
6. มองโลกในแง่ดี
ด้วยการมองว่าเราเกิดมาโชคดีมากที่ในชั่วชีวิตหนึ่งได้พบเห็นปัญหาต่างๆ มากมาย ได้ผ่านช่วงชีวิตที่ทั้งราบรื่นและเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม ได้เรียนรู้วิธีสู้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ มากมาย สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นบทเรียนของชีวิตทั้งนั้น และวันหนึ่งเมื่อเราผ่านปัญหาทั้งหลายไปได้ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นสีสันที่น่าจดจำสำหรับชีวิต
7. สู้ไม่ถอย ผ่านให้ได้
ไม่ว่าจะเครียดแค่ไหนก็ตาม ให้เตือนตัวเองไว้อย่างหนึ่งว่า เราจะต้องหยัดยืนสู้ต่อไปให้ได้ สู้ตรงๆ ไม่ได้ก็สู้แบบอ้อมๆ ที่สำคัญที่สุด ต้องไม่คิดสั้นตัดช่องน้อยแต่พอตัว เพื่อหนีความเครียด ต้องไม่ลืมว่าคนที่เครียดหนักหนาสาหัสแล้วฆ่าตัวตายนั้น ปัญหาไม่ได้จบแค่นั้น เพราะการตายด้วยสภาพจิตที่อมทุกข์ เกิดภพไหนก็จะเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในความทุกข์อีกนั่นเอง เพราะจิตดวงสุดท้ายจะถ่ายทอดแต่สภาพจิตที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยความทุกข์ตามติดไปทุกภพทุกชาติ
8. “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป”
สรรพสิ่งในโลกล้วนตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์ที่ว่า “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” ไม่มีอะไรคงอยู่ถาวร ความเครียดก็เช่นกัน เมื่อมันเกิดขึ้นได้ ไม่เร็วก็ช้าความเครียดนั้นก็ต้องดับไป ขอเพียงเราไม่ท้อ ไม่หวั่น ไม่ถอย ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง วันนี้เราเครียดแทบตาย แต่วันพรุ่งนี้อาจเป็นวันที่ดีที่สุดของชีวิตก็เป็นได้
เหมือนกับที่ปราชญ์ท่านว่าไว้ว่า “เวลาที่มืดมิดที่สุดนั้นเป็นสัญญาณเตือนอยู่ในตัวว่า อีกไม่นานก็จะสว่างแล้ว”
ส่วนหนึ่งของบทความ “ยิ้มไว้…อย่าให้เครียด” คอลัมน์ Answer Keys นิตยสาร Secret โดย ท่านว.วชิรเมธี
ที่มาภาพ : www.pexels.com และ www.facebook.com/v.vajiramedhi/
บทความน่าสนใจ
Dhamma Daily : เครียดจน นอนไม่หลับ จะทำอย่างไรดี
“รู้ทันใจก็ง่ายไปทุกอย่าง” ธรรมะดับความเครียด โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต