อ๋อม - อรรคพันธ์ นะมาตร์ ขอฝันใกล้ๆ ไม่ต้องไกล…จนมองไม่เห็น

ขอฝันใกล้ๆ ไม่ต้องไกล…จนมองไม่เห็น

                หากเข็มทิศคืออุปกรณ์สำคัญที่ทำให้คนรู้ทิศ ไม่หลงทาง

ความฝันก็คือเข็มทิศรูปแบบหนึ่งที่ทำให้คนมีเป้าหมายในชีวิต ก้าวเดินไปอย่างมีทิศทาง

ชายหนุ่มคนนี้ก็มีความฝันเช่นกัน…อ๋อม - อรรคพันธ์ นะมาตร์

อ๋อมเป็นนักแสดงค่ายโพลีพลัสฯที่แจ้งเกิดจากบทตัวร้ายในละคร “เจ้าหญิงลำซิ่ง” เมื่อ พ.ศ. 2551 ก่อนจะได้รับบทเด่นๆ ตามมาจนกระทั่งก้าวขึ้นสู่บทพระเอกในที่สุด ล่าสุดปีแห่งความสุข พ.ศ. 2555 นี้ อ๋อมจะมีผลงานมาฝากคอละครให้ได้ติดตามกันอย่างน้อยถึง 2 เรื่อง 2 รส คือ “รักออกอากาศ” และ “ชิงนาง”

ชีวิตวัยเด็กของอ๋อมก็ไม่ต่างจากเด็กๆ ทั่วไปที่เติบโตมาพร้อมความฝัน แต่เมื่อโตขึ้นความคิดก็เปลี่ยนไป เมื่ออ๋อมเริ่มคิดว่า “ความฝันระยะยาวหรือความฝันแบบไกลๆ ที่มีมาแต่เด็กนั้น ไม่ต่างจากการเพิ่มแรงกดดันให้ตัวเอง” แต่ถ้าหากไม่มีฝันเอาเสียเลย…ชีวิตก็คงเคว้งคว้างเหมือนกัน

ความฝันสำหรับอ๋อมทุกวันนี้จึงเป็นฝันแบบใกล้ๆ เน้นให้เห็นจุดหมายแบบชัดๆ เริ่มตั้งแต่การทำงานในแต่ละวัน อ๋อมจะทำงานอย่างเต็มที่ รับผิดชอบต่อหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะอ๋อมเชื่อว่า ด้วยฝันแบบใกล้ๆ นี่แหละ ถ้าทำให้เป็นจริงได้ทุกๆ วันก็จะเป็น “รากฐานสำคัญ” ไปสู่อนาคตได้

 

บทเรียน “แรก” ของโรงเรียนชีวิต

ผมเริ่มงานในวงการด้วยการถ่ายโฆษณาก่อน ช่วงนั้นผมยังเรียนอยู่จึงทำเป็นงานอดิเรกเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อได้รับโอกาสให้ก้าวเข้ามาเล่นละคร…ชีวิตก็เปลี่ยนไป จะมัวทำแบบเล่นๆ ไม่ได้อีกแล้ว

ตั้งแต่วันแรกที่ไปกองถ่าย ผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด เริ่มตั้งแต่การเตรียมพร้อมในการทำงาน วันแรกๆ ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ถือบทละครมาด้วยทั้งหมด(มาเป็นเล่มเลย) แต่ด้วยความหนาและหนัก วันต่อๆ มาผมก็เลยแบ่งบทมากองถ่ายเป็นตอนๆ ไป โดยไม่เคยคิดจะหากระเป๋าหรืออะไรมาใส่บทละครเลยสักวัน

พี่ผู้กำกับเห็นเข้า เลยแนะนำให้ผมลองหากระเป๋ามาใช้สักใบ จะได้ป้องกันบทฉีกขาดหรือปลิวหาย ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ลองกลับไปค้นกระเป๋าที่บ้านดู แล้วก็เจอเจ้าน้ำตาลใบนี้เข้าพอดี ถึงจะเล็กไปนิดพอใส่กระดาษไซส์เอสี่ได้เท่านั้น แต่ผมก็ใช้เจ้าน้ำตาลใบนี้ใส่บทไปกองถ่าย…จนปิดกล้อง

พอเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ คราวนี้ผมเริ่มเห็นความสำคัญของการมีกระเป๋ามาทำงานแล้ว ก็เลยหาซื้อกระเป๋าใบใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิมเพื่อจะได้ใส่ของอย่างอื่นด้วย ส่วนเจ้าน้ำตาลใบเก่าผมก็ยังเก็บมันไว้อย่างดี เพราะถือว่าเป็น “สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นการทำงาน” ของผม

เรื่องนี้อาจฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ผมกลับมองว่า ผู้กำกับกำลังสอนผมเรื่องพื้นฐานในการทำงาน ซึ่งได้แก่

“ความรับผิดชอบและระเบียบวินัย” และ “การให้เกียรติกับวิชาชีพ” โดยเฉพาะข้อหลัง ที่แม้ว่าบทละครจะเป็นแค่กระดาษ ธรรมดาๆ แต่ก็สามารถทำรายได้และชื่อเสียงให้นักแสดงมานักต่อนักแล้ว

 

คลิกที่เลข 2 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป

กำลังใจคือแรงผลักดัน

คอนเสิร์ต “ซุป’ตาร์ ON STAGE 17 ปี โพลีพลัส” เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ที่สุดในชีวิตเท่าที่ผมเคยขึ้นโชว์มา ผมประทับใจงานชิ้นนี้หลายอย่าง ตั้งแต่การได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกับนักแสดงและศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองไทย ได้ร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพ ได้พบปะแฟนๆ ฯลฯ

แต่จะว่าไปแล้ว ผมคงไม่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้เลย หากว่า “ผมถอดใจกับเส้นทางนี้เสียก่อน” เพราะตั้งแต่เล่นละครเรื่องแรก ผมก็โดนคำติติงจากทั้งผู้กำกับและผู้ชมอยู่ไม่น้อยที่มักจะพูดกันว่า ผมยังเล่นไม่ถึงบทบาท เล่นแข็งเป็นก้อนหิน เล่นไม่ดีเลย เทคกระจาย ฯลฯ

ถึงจะท้อ เครียดแค่ไหน แต่ผมก็ยังโชคดีที่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นกำลังใจให้เสมอ โดยเฉพาะคุณแม่ที่มักจะปลอบผมบ่อยๆ ว่า “ไม่เป็นไรลูก ลูกเล่นดีแล้ว ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเอง”

ไม่เพียงเท่านั้น คุณแม่ยังยอมอดหลับอดนอนเพื่อรอผมกลับบ้านทุกคืน ดึกดื่นแค่ไหนท่านก็รอ ขอแค่ได้เห็นผมกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ได้ถามผมสั้นๆ ว่า “เหนื่อยไหมลูก” แค่นี้คุณแม่ก็พอใจแล้ว (ผมว่านะ)

สิ่งเหล่านี้เป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมทำให้ผม “ฮึดสู้” หันมาเปลี่ยนคำวิจารณ์ต่างๆให้กลายเป็นแรงผลักดันแทน ในเมื่อเรารู้ว่าเราทำอะไรไม่ได้ แต่เรายังมีใจที่จะสู้ต่อเราก็ต้องแก้ไข แก้ไม่ได้ก็ฝึกฝนให้มากขึ้น ต้องทำจนกว่าจะได้

เรื่องนี้ทำให้ผมรู้ว่า “การให้กำลังใจตัวเองและกำลังใจที่ได้จากคนที่เรารัก”สำคัญมากแค่ไหน และทุกวันนี้แม้เสียงตอบรับต่างๆ จะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นแล้วแต่ผมจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองต่อไปแน่นอน

 

คลิกที่เลข 3 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป

ขอบคุณที่มีกันและกัน

ไม่น่าเชื่อว่าพอละครเรื่องแรกออกอากาศได้ไม่นาน ชีวิตผมก็เริ่มเปลี่ยน ไปไหนมาไหนมีคนมอง มีคนเข้ามาทัก แล้ววันหนึ่งผมก็เริ่มมี “แฟนคลับ” เป็นของตัวเอง (ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีกับเขาด้วย)

ความที่ผมเป็นคนขี้อายอยู่แล้ว ครั้งแรกๆ ที่แฟนคลับเอาของมาให้ ขอถ่ายรูปขอลายเซ็น ชูป้ายไฟให้กำลังใจ ฯลฯ ผมก็ยิ่งเขินไปกันใหญ่ ทำตัวไม่ถูก งงไปหมด แต่ก็ดีใจมากๆ ที่มีคนชื่นชอบผลงาน

แฟนคลับหลายคนทำให้ผมเห็นความพยายาม ความอดทน ที่ทำให้ผมถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะมีใครทำได้ขนาดนั้น เช่น นั่งรอผมนานถึง 3 - 4 ชั่วโมง เช่ารถตู้ตามผมไปต่างจังหวัด เมื่อเขาดีกับผมขนาดนี้ ผมก็ต้องรีบปรับตัวให้ชินกับสถานะใหม่นี้ให้เร็วที่สุด ต้องดูแลและให้ความสำคัญแฟนคลับอย่างเท่าเทียมกัน

ที่เล่ามาดูเหมือนว่าผมจะใจดีนะ แต่ผมก็มีมุม “ดุ” เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่อง“ความรับผิดชอบต่อหน้าที่” ซึ่งเรื่องนี้ผมจะซีเรียสมากๆ ผมจะบอกทุกคนเสมอว่า“อย่าโดดเรียนหรือโดดงานเพื่อมาเจอผมเด็ดขาด เพราะถ้าจะมาให้กำลังใจผม แต่คุณกลับบกพร่องในหน้าที่ของคุณเสียเอง ถ้าผมรู้ ผมก็คงไม่มีความสุขแน่ๆ”

ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณแฟนๆ ที่เป็นกำลังใจให้ผมเสมอมา สำหรับผมพวกคุณคือความมหัศจรรย์จริงๆ ผมหวังว่า “เราจะมีกันและกันตลอดไปนะครับ”

 

Secret box

ปัญหาอาจจะทำให้ชีวิต “สะดุด” ไปบ้าง

แต่ไม่มีวัน “หยุด” ชีวิตได้แน่นอน

 

เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์ ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี

 

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.