” ทุ.ส.น.โส. ” เสียงประหลาดจากมุมมืด
ในสมัยอดีต คืนหนึ่งพระเจ้ากรุงพาราณสี ทรงสดับเสียงประหลาดจากมุมมืดว่า ทุ.ส.น.โส. พระองค์ทรงรู้สึกหวาดหวั่นพระทัยเป็นอย่างยิ่ง แต่ทรงอดกลั้นไว้จนรุ่งสาง
ครั้นยามสายพวกพราหมณ์ปุโรหิตเข้าเฝ้า ได้ฟังเรื่องที่พระราชาทรงเล่าแล้วก็มืดมน ไม่ทราบว่าจะตีความอย่างไรได้ ครั้นจะทูลว่าไม่รู้ก็กลัวเสียหน้า จึงทูลว่าเป็นลางร้ายของพระองค์และราชสมบัติ ต้องแก้ไขโดยบูชาด้วยเครื่อง 4 คือ จับสัตว์ 4 ชนิด ชนิดละ 4 ตัวมาบูชายัญ
0
พระราชาได้ยินก็ทรงหลงเชื่อ จึงรับสั่งให้จับสัตว์เล็กไปจนถึงสัตว์ใหญ่มา ได้แก่ นกหัวขวาน 4 ตัว ม้า 4 ตัว โคตัวผู้ 4 ตัวช้าง 4 เชือก รวมถึงมนุษย์ 4 คน
หลังจากนั้นพวกพราหมณ์ก็จัดพิธีขุดหลุมบูชายัญ และกระหยิ่มดีใจว่าจะได้กินเนื้อสัตว์และจะได้ทรัพย์จากพระราชาเป็นอันมากด้วย แต่ศิษย์คนหนึ่งของพราหมณ์เห็นดังนั้น เกิดความสงสัยจึงถามอาจารย์ของตนว่า “การฆ่าสัตว์เพื่อให้ชีวิตของตนพบความสวัสดีนั้น ไม่มีในคัมภีร์พระเวทของเราไม่ใช่หรือ”
อาจารย์รีบห้ามทันทีว่า “อย่าพูดอย่างนั้น เราได้ราชทรัพย์เพราะการทำอย่างนี้ พวกเราได้กินอาหารเพราะการทำอย่างนี้เธอจงนิ่งเสีย อย่าพูดอะไรมากไป”
ลูกศิษย์ได้ยินดังนั้นก็คิดว่า “เราจะไม่ประกอบกรรมชั่วร่วมกับอาจารย์” จากนั้นก็เดินไปยังพระราชอุทยาน เห็นพระโพธิสัตว์ประทับอยู่จึงเข้าไปหา พระโพธิสัตว์ตรัสถามว่า “พระราชาทรงครองราชย์โดยทศพิธราชธรรมอยู่หรือไม่”
0
ศิษย์ของพราหมณ์ตอบว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระราชาทรงครองราชย์โดยธรรมอยู่ แต่ในคืนหนึ่งพระองค์ทรงสดับเสียงประหลาด 4 เสียง ทรงหวาดหวั่นต่อภัยคือชีวิตและราชสมบัติ จึงทรงยอมทำตามคำแนะนำของพราหมณ์ให้บูชายัญเป็นการใหญ่ ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนั้น เพราะเป็นการเบียดเบียนสัตว์ให้เดือดร้อนเพื่อประโยชน์สุขของตนจึงปลีกตัวออกมา พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้าจะบอกเหตุแห่งเสียงนั้นแล้วปลดเปลื้องทุกข์ให้มหาชนได้หรือไม่”
พระดาบสโพธิสัตว์ตอบว่า “ถ้าพระราชาเสด็จมาถามอาตมาก็จะทูลตอบ” ชายหนุ่มดีใจมาก รีบกลับไปทูลพระราชาให้เสด็จมาหาพระดาบสโพธิสัตว์ พระราชาตรัสถามถึงที่มาของเสียงนั้นดาบสทูลตอบว่า “มหาบพิตร นั่นเป็นเสียงของสัตว์นรก นานมาแล้วสัตว์นรก 4 ตนนั้นเป็นผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มียศและทรัพย์มั่งคั่ง เพลิดเพลินมัวเมาในกามคุณกับภรรยาของผู้อื่นเสมอๆ เมื่อตายจึงไปเกิดในโลหกุมภีนรก ถูกเคี่ยวกายให้เป็นฟองในน้ำกรดอันเดือดพล่าน ดิ่งลงไปข้างล่างจรดพื้นหม้อสามหมื่นปี แล้วลอยขึ้นมาอยู่ที่ปากหม้ออีกสามหมื่นปี ชะเง้อดูข้างนอกหม้อ อยากจะพูดความประสงค์ของตนคนละเล็กละน้อยก็ไม่อาจกล่าวให้ครบได้ กล่าวได้แต่เพียงคนละหนึ่งอักษรเท่านั้น แล้วจมลงไปในโลหกุมภีนรกอย่างเดิม “ สัตว์นรกทั้ง 4 ตนนั้น ผู้ที่กล่าวว่า ทุ. อยากจะพูดว่า
0
‘เมื่อมีทรัพย์ พวกเราไม่ทำทานจึงไม่ได้สร้างบุญไว้ให้ตัวเองได้พึ่ง มีชีวิตอยู่อย่างชั่วช้า (ทุชฺชีวิตํมชีวมฺหา) ’ “สัตว์ผู้กล่าวคำว่า ส. อยากจะพูดคำเต็มว่า ‘เมื่อไรการหมกไหม้อยู่ในนรกให้ครบหกหมื่นปีบริบูรณ์จะจบสิ้นเสียที (สฏฺฐิวสฺสสหสฺสานิ)’
0
“สัตว์ผู้กล่าวคำว่า น. อยากจะพูดคำเต็มว่า ‘ที่สิ้นสุดไม่มีไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน เพราะในครั้งนั้นพวกเราได้ทำบาปกรรมไว้มาก (นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต)’
“สัตว์ผู้กล่าวคำว่า โส. อยากจะพูดคำเต็มว่า ‘เมื่อเราหลุดพ้นจากที่นี่แล้วได้เกิดเป็นคน จะเห็นอกเห็นใจในความลำบากของผู้อื่นและให้ความช่วยเหลือ เราจะประพฤติตนให้สมบูรณ์ด้วยศีลและจะทำกุศลให้มากทีเดียว (โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา)’” ดาบสโพธิสัตว์ถวายพระพรพระราชาดังนี้แล้ว ก็ทูลต่อไปว่า
0
“มหาบพิตร อันตรายใดๆ ไม่มีแก่พระองค์เลย เสียงนั้นเป็นเสียงของสัตว์ผู้เกิดในนรก” เมื่อพระราชาทรงสดับอย่างนั้นก็คลายกังวล รับสั่งให้ยกเลิก การบูชายัญและปลดปล่อยสัตว์ทั้งหลายให้เป็นอิสระทั้งหมด
เรื่อง : เก็บมาเล่าโดย ขวัญ เพียงหทัย
ภาพ : https://pixabay.com
บทความน่าสนใจ
แค่ขาดทางกาย หากแต่ เติมเต็มจิตวิญญาณ ให้ผู้อื่นได้