“รู้ทันใจก็ง่ายไปทุกอย่าง” ธรรมะ ดับความเครียด โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
การ ดับความเครียด ไม่ใช่เรื่องยาก แม่ชีศันสนีย์ กล่าวว่า ถ้ามีความเครียดจากการทำงาน หน้าที่ของเราคือ “รู้ว่าเครียด”
“รู้ว่าเครียด” ไม่ใช่ “หนีความเครียด”
ขอแค่ “รู้ตัว” เพราะความเครียดนั้นจะอยู่กับเราไม่นาน แล้วมันก็จะคลายคืนไป
“เครียด” ก็สั้น ๆ “เบื่อ” ก็สั้น ๆ “โกรธ” ก็สั้น ๆ “หงุดหงิด” ก็สั้น ๆ ฯลฯ
ทุกอย่างที่เราเห็นล้วนสั้น ๆ แล้วมันจะเกิดศรัทธาต่อตัวเองว่า ทุกความรู้สึกเกิดขึ้นได้ แต่มันจะอยู่กับเราสั้นมาก ถ้าเรารู้ทัน ไม่หนี เช่น
“เครียด” อย่างนี้ก็หนีไปทำอย่างโน้น ที่คิดว่าเราจะไม่ “เครียด” ไม่มีประโยชน์ ในที่สุดเราก็จะ “เครียด” ไปเรื่อย ๆ
“เบื่อ” อย่างนี้ก็หนีไปทำอย่างโน้น ที่คิดว่าเราจะไม่ “เบื่อ” ไม่มีประโยชน์ ในที่สุดเราก็จะ “เบื่อ” ไปเรื่อย ๆ
“โกรธ” คนนี้ก็หนีไปคบคนโน้น ที่คิดว่าเราจะไม่ “โกรธ” ไม่มีประโยชน์ ในที่สุดเราก็จะ “โกรธ” ไปเรื่อย ๆ
“หงุดหงิด” คนนี้ก็หนีไปคบคนโน้น ที่คิดว่าเราจะไม่ “หงุดหงิด” ไม่มีประโยชน์ ในที่สุดเราก็จะ “หงุดหงิด” ไปเรื่อย ๆ
เพราะ “เครียด” “เบื่อ” “โกรธ” “หงุดหงิด” มันอยู่ในตัวเรา
เราต้องรู้จักกลับมาหยุดยืนดูมันสักหนึ่งลมหายใจให้รู้ทัน “ไหว”
“ไหว” ในที่นี้คือ “เครียด” “เบื่อ” “โกรธ” “หงุดหงิด” เป็นอาทิ
เหล่านี้คืออาการของจิต ถ้าเรียกให้ชัดก็เรียกว่า ราคะ โทสะ โมหะ
ให้เรา “รู้ทัน” ราคะ โทสะ โมหะเอาไว้ ไม่ต้องไปรังเกียจ แต่เห็นแค่สั้น ๆ ว่ามัน “แค่มาแล้วก็ไป”
มันเป็นเพียงอาคันตุกะ เป็นแขกที่มาเคาะประตูบ้าน ซึ่งบังเอิญเปิดประตูให้เข้ามา แต่เราจะไม่ปล่อยให้นั่งแช่นาน ๆ
ถ้า “เครียด” ก็ไม่ด่าทอ “เบื่อ” ก็ไม่บ่น “โกรธ” ก็ไม่ผูกโกรธ “หงุดหงิด” ก็ไม่ขว้างปา วิธีการเหล่านี้จะทำให้เราชนะใจตัวเองไปเรื่อย ๆ
เมื่อเรา “ชนะใจตัวเอง” ไปเรื่อย ๆ เรา “รู้ทันไหว - ใจตื่น” เรื่อย ๆ ก็จะมี “ปัญญา” ในการพิจารณาเหตุปัจจัยแห่งการเกิดสิ่งนั้น ๆ ว่า จริง ๆ แล้วทุกอาการล้วนเหมือนสายฟ้าแลบมันแปลบ ๆ แล้วก็หายไป มันเกิดดับ - ฉับพลัน แล้วอาการเหล่านั้นจะเข้ามาหาเราน้อยลง อาคันตุกะเหล่านั้นจะเข้ามาเยือนเราน้อยลง
ถ้าถามว่าทำไมจึงน้อยลง
คำตอบคือ เพราะไม่มีฐานของ “ตัณหา” มาผลักดันให้เกิดภพชาติแห่งทุกข์ใหม่นั่นเอง
ว่ากันตามจริง ทุกสิ่งทุกอาการที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะคนอื่น แต่เป็นเพราะตัวเราเองไม่แข็งแรงพอที่จะรู้ทันกาย - ทันใจ ไม่รู้ทันสภาวธรรมในขณะนั้น ซึ่งจริง ๆ อาจไม่ต้องตามดู ตามรู้ ตามเห็นก็ได้ว่ามันคืออะไร ไม่ว่า “เครียด” “เบื่อ” “โกรธ” “หงุดหงิด” หรือจะเรียกมันว่า “ราคะ” “โทสะ” “โมหะ” แค่ยามใดรู้สึกอึดอัดก็รู้ว่าอึดอัด เห็นความอึดอัดแค่มาแล้วไป ใจเป็นอิสระจากความอึดอัดนั้น ขอให้เห็นความเป็นอิสระกับการที่ได้เห็นแล้วเราไม่เป็นทุกข์เข้าไว้เรื่อย ๆ
อึดอัดได้ค่ะ ไม่ได้ห้าม แต่ให้เวลากับความอึดอัดน้อย ๆ
“จ๊ะเอ๋” กับ “ความอึดอัด” แล้วก็รีบ “บ๊ายบาย” บอกลา “ความอึดอัด” เอาเวลามาทำงานของตัวเอง
อย่างนี้ก็ทำงานได้สบาย ๆ ไม่ตายทั้งเป็นแล้วละค่ะ
ที่มา นิตยสาร Secret
ภาพ Pexels
บทความน่าสนใจ
เรือนจำเคนยาใช้การเจริญสติ ช่วยลดความรุนแรงและเชื่อมสัมพันธ์ผู้คุมกับผู้ต้องขัง