ถอดรหัสวิธีเลี้ยงลูก คุณเป็นพ่อแม่แบบไหน แบบทดสอบวัดการเลี้ยงลูกสุดแม่นยำ!
คุณเลี้ยงลูกถูกทางแล้วจริงหรือ? ซีเคร็ตขอเสนอ แบบทดสอบวัดการเลี้ยงลูก ให้คุณพ่อคุณแม่ลองเช็คดู หากยังไม่ถูกทาง เรามีวิธีมาแนะนำ
วิธีเลี้ยงลูกของฉันเป็นแบบไหน เลือก 3 ข้อที่ตรงกับใจที่สุด
1. ลูกของฉันต้องตื่นนอนตรงเวลา ทานอาหารเป็นเวลา เรียนพิเศษตรงเวลา ต้องออกกำลังกายตรงตามเวลาฯลฯ เพราะฉันวางแผนไว้แล้วว่าแบบนี้ถึงจะดีที่สุด!
2. เมื่อมีเหตุการณ์ใดที่ลูกไม่เข้าใจ ฉันจะอธิบายเหตุผลให้ลูกฟังในแบบที่เขาเข้าใจได้ง่ายๆ เสมอ
3. ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเป็นเพื่อนกับลูก ฉะนั้นฉันจะไม่บังคับจิตใจลูกเด็ดขาด!
4. วันนี้มีงานวันแม่ที่โรงเรียนของลูก ก็จัดกันไปสิ ฉันไม่ว่างไปหรอก มีงานต้องทำเยอะแยะ
5. ครูมักบอกกับฉันว่า ลูกมีนิสัยก้าวร้าวเกเร ทั้งๆ ที่อยู่บ้านเขาเป็นเด็กแสนดี เชื่อฟังฉันทุกเรื่อง
6. แม้ลูกจะร้องไห้เสียใจขนาดไหน ฉันก็จะไม่ซื้อหุ่นยนต์ให้หรอก เพราะเราตกลงกันแล้วว่าจะแค่ไปเดินเล่นในห้างฯเท่านั้น
7. ลูกมีปัญหากับเพื่อนเสมอ แต่ฉันก็เชื่อว่าลูกไม่ผิดหรอก เขาต้องถูกรังแกแน่นอน
8. ไม่รู้ว่าแกจะมาเกิดเป็นลูกของฉันทำไม วันที่แกเกิดมาคือวันที่โชคร้ายที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว
9. ร้องไห้ทำไม หกล้มแค่นี้ ลุกขึ้นมายืนสิลูก เจ็บนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย
10. แม้ลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ฉันก็ไม่เสียใจ เพราะฉันรู้ว่าเขาตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเต็มที่แล้ว
11. ลูกชอบวางข้าวของระเกะระกะไปทั่วบ้าน แต่ไม่เป็นไร ลูกคงไม่มีเวลา ฉันเก็บแทนได้ สบายมาก
12. ฉันวางกับข้าวไว้ให้แล้ว หิวก็กินๆ เข้าไปเถอะ จะได้โตไวๆ แล้วดูแลตัวเองได้เสียที
ดูเฉลย คลิกที่หน้า 2
ถอดรหัสวิธีเลี้ยงลูกในแบบคุณ
ถ้าคุณเลือกข้อ 1 5 และ 9 หมายความว่าคุณมีวิธีการเลี้ยงลูกแบบ “เผด็จการ”
ลักษณะการเลี้ยงลูกแบบเผด็จการคือ พ่อแม่จะวางกฎในบ้านอย่างเข้มงวด ไม่มีการอธิบายเหตุผล ไม่มีทางเลือกให้ลูก รวมถึงไม่พยายามแสดงความรักและความอบอุ่นที่มีต่อลูกด้วย
ผลที่เกิดกับลูกคือ ลูกมักจะเชื่อฟังแต่ไม่มีความสุข ไม่ค่อยภาคภูมิใจในตัวเอง และมักจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต อีกทั้งส่วนใหญ่มักแสดงอารมณ์ก้าวร้าวเมื่ออยู่นอกบ้านหรือขี้อายมากผิดปกติ
ถ้าคุณเลือกข้อ 2 6 และ 10 หมายความว่าคุณมีวิธีเลี้ยงลูกแบบ “ประชาธิปไตย”
ลักษณะของการเลี้ยงลูกแบบนี้คือ พ่อแม่จะฝึกระเบียบวินัยให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ มีความหนักแน่นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูก คาดหวังในตัวลูกตามวุฒิภาวะ วางกฎระเบียบชัดเจน แต่ก็ยอมรับฟังความคิดเห็นและอารมณ์ของลูกด้วย มีการสื่อสารที่ดีโดยใช้เหตุผล มอบความอบอุ่นใส่ใจในความทุกข์หรือสุขของลูก แต่เมื่อลูกไม่เป็นไปดังหวังก็จะให้อภัยมากกว่าลงโทษ และติดตามพฤติกรรมของลูกแต่ไม่ควบคุมจนเกินไป
ผลที่เกิดต่อลูกคือ ลูกมีความมั่นใจในตัวเอง รับผิดชอบต่อสังคม ควบคุมตัวเองได้ รู้จักให้ความร่วมมือกับผู้อื่น มีความสามารถ และมักประสบความสำเร็จในชีวิต
ถ้าคุณเลือกข้อ 3 7 และ 11 หมายความว่าคุณมีวิธีเลี้ยงลูกแบบ “ตามใจ”
ลักษณะของการเลี้ยงลูกแบบตามใจคือ พ่อแม่จะไม่ค่อยเรียกร้องอะไรจากลูก ทั้งยังไม่ตั้งกฎเกณฑ์ด้วย หากมีการฝึกระเบียบวินัย ก็เป็นแบบไม่สม่ำเสมอ เพราะไม่ค่อยคาดหวังอะไรในตัวลูกมากนัก เนื่องจากมองว่าลูกเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลาพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยวิธีนี้ จะชอบให้เกินกว่าที่ลูกร้องขอและมักทำตัวเป็นเพื่อนกับลูก
ผลที่เกิดต่อลูกคือ เด็กมักไม่มีความสุข เพราะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ผลการเรียนไม่ค่อยดี ไม่มีระเบียบ ขาดแรงจูงใจ ไม่มีทักษะในการเข้าสังคม ไม่ชอบแบ่งปัน รู้สึกไม่มั่นคง เพราะขาดขอบเขตและคำแนะนำที่ถูกต้อง
ถ้าคุณเลือกข้อ 4 8 และ 12 มากที่สุด หมายความว่าคุณมีวิธีเลี้ยงลูกแบบ “เพิกเฉยไม่ใส่ใจ”
ลักษณะการเลี้ยงลูกแบบเพิกเฉยคือ พ่อแม่แทบจะไม่เรียกร้องอะไรจากลูกเลย และไม่ค่อยสนใจ มักจะเลี้ยงดูแค่ทางกาย แต่ไม่ได้เลี้ยงภายในจิตใจของลูกด้วย บางรายถึงขนาดทอดทิ้งหรือละเลยความต้องการของลูกไปเลย เพราะพ่อแม่มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับปัญหาของตัวเอง
ผลที่เกิดต่อลูกคือ ลูกขาดการควบคุมตนเอง มีความภาคภูมิใจในตนเองน้อยมาก ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ค่อยมีกลุ่มเพื่อน หรือถ้ามีก็อาจไม่เก่งเท่าเพื่อน ชอบพึ่งพิงผู้อื่น มักเกิดความรู้สึกกลัวและวิตกกังวลไปแทบทุกเรื่องเพราะไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่
เลี้ยงลูกแบบไหนถึงจะดี
หากคุณพิจารณาวิธีการเลี้ยงดูลูกของตัวเองแล้วพบว่า คุณไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้น แต่คุณเลี้ยงแบบผสมผสานทั้ง 4 แบบตามแต่สถานการณ์ แล้วแบบนี้ลูกจะกลายเป็นคนที่สับสนในตัวเองหรือเปล่า เขาจะสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้หรือไม่
เพื่อให้หายข้องใจ จึงไปขอคำแนะนำจาก แพทย์หญิงปราณี เมืองน้อย แพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ซึ่งท่านกล่าวว่า
“วิธีการเลี้ยงลูกที่ดีที่สุดคือ การยึดหลักของความสมดุลหรือทางสายกลาง ไม่ควรควบคุมมากไปหรือปล่อยปละมากไป เพราะ เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนซุกซน ระเบียบวินัยหลวม พ่อแม่ก็ควรเลี้ยงแบบเผด็จการบ้างในบางครั้งแต่ถ้าลูกเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตัวเองอยู่แล้วการเลี้ยงแบบประชาธิปไตยให้เขาได้แสดงความคิดเห็น ก็จะไม่ทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดใจมากเกินไปการที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหนไม่ได้อยู่ที่การเลี้ยงดูเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาวะแวดล้อม หรือแม้แต่สารเคมีภายในตัวของเด็กเอง ถ้าพูดตามหลักพุทธศาสนาก็คือ เด็กแต่ละคนมีบุญติดตัวมาต่างกัน จึงทำให้มีลักษณะที่แตกต่างกันด้วย”
เรียบเรียงจากบทความ เลี้ยงลูกแบบไหน ใครๆ ก็รัก โดย ชลธิชา แสงใสแก้ว เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร Secret