เรียนรู้จากความผิดพลาด ข้อแตกต่างระหว่างคน ทำงาน เร็ว กับ คนทำงานช้า
“ความผิดพลาด”ไม่ว่าใครก็น่าจะเคยพบเจอ แต่คนแต่ละคนต่างก็มีวิธีการรับมือกับความผิดพลาด และ เรียนรู้จากความผิดพลาด ที่แตกต่างกันไป เชื่อหรือไม่ว่า การรับมือกับความผิดพลาดของแต่ละคน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของเราด้วย จึงเกิดเป็นความแตกต่างระหว่างคนที่ ” ทำงาน เร็ว” กับ คนที่ “ทำงานช้า”
คนทำงานเร็วเปลี่ยนความผิดพลาดเป็นบทเรียน คนทำงานช้ามัวแต่กังวลและหวาดกลัว
ความผิดพลาด คือ ขั้นตอนแห่งการลองผิดลองถูกที่ตามมาด้วยผลสำเร็จ หากเราลองใช้วิธีไหนแล้วไม่ได้ผล แสดงว่าวิธีนั้นเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสม ควรเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นที่เหมาะสมกว่า และมีประสิทธิภาพดีกว่า
ในการแข่งขันกีฬา จะมีการวิเคราะห์กลยุทธ์การเล่น ทั้งของฝ่านตนเองและฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่ตะสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นเพื่อรับมือ และเปิดศึกรุกไปยังฝ่ายตรงข้ามจนสามารถเอาชนะในที่สุดได้
การทำงานก็เช่นเดียวกัน หากเรามองให้ดี การผิดพลาดนั้น แท้จริงคือ “การคาดการณ์พลาด” ซึ่งจะนำไปสู่ “โอกาสในการมองเห็นปัญหาให้ชัดเจนขึ้น”
เมื่อแรกเริ่มที่เราลองทำอะไรสักอย่าง เราคาดหวังผลลัพธ์เอาไว้ในใจ แต่เมื่อทำออกมาจริงๆ กลับพบว่าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ นี่คือโอกาสที่เราจะได้ตรวจสอบว่า “เหตุใดผลลัพธ์จึงต่างไปจากที่เราคิด และ คราวหน้าเราต้องทำอย่างไร จึงจะป็นไปตามที่คาดการณ์”
ดังนั้น ความผิดพลาดแต่ละครั้งจึงเป็นโอกาสให้เราได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคิดได้ดังนี้ เราก็ไม่ตำเป็นต้องกลัวความผิดพลาดจนเกินไป และไม่จำเป็นต้องคิดมากเมื่อเผชิญกับความผิดพลาด
คนที่ทำงานช้าจะไม่สามารถยอมรับวงจรนี้ได้ แต่ตะรู้สึกตื่นตระหนก โดยไม่พิจารณาให้ลึกซึ้งว่า คราวหน้าควรทำอย่างไร หรือ มีอะไรที่เราต้องใส่ใจบ้าง เพื่อไม่ให้ผิดพลาดอีก
ยกตัวอย่างเช่น เรามีสินค้าที่อยากขายให้ได้เยอะๆ เราเลยทำโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้จักสินค้าของเรามากขึ้น แต่เมื่อลองโฆษณาออกไปแล้ว กลับพบว่าไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวังไว้
คนที่ทำงานช้า จะคิดว่าการโฆษณานี้ไม่ได้เรื่อง และล้มเลิกแผนการนี้ไปเลย ในขณะที่คนทำงานเร็ว จมองว่า การโฆษณานี้ไมาได้ผล และคิดต่อไปอีกว่า เราควรต้องปรับโฆษณานี้อย่างไร เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีขึ้น เป็นต้น
หรือแม้แต่เรื่องใกล้ตัวอย่าง “การจ่ายค่าโทรศัพท์” เมื่อเราลืมจ่ายค่าโทรศัพท์ คนที่ทำงานช้าจะคิดว่า ครั้งหน้าต้องระวังให้มากกว่านี้ ในขณะที่คนทำงานเร็วจะมองหาวิธีการที่ทำให้เราไม่ลืมจ่ายค่าโทรศัพท์อีก เช่น การตัดเงินจากบัญชีแบบอัตโนมัติ หรือ การตั้งแจ้งเตือน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก
ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะในเรื่องการทำงาน หรือ เรื่องไหน เรามีวงจรการตั้งสมมติฐานในแต่ละวัน ได้แก่
- ลงมือทำ
- ตรวจสอบ
- ปรับแก้สมมติฐานเดิม
- ลงมือทำใหม่
ขั้นตอนเหล่านี้ทำให้เราตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น
หากเราอยากเป็นคนที่ทำงานเก่ง ทำงานดี และมีทัศนคติที่ดี ลองฝึกฝนตนเองด้วยการ “ตั้งสมมติฐาน” ลองทำดู และ “เรียนรู้จากความผิดพลาด” ที่เกิดขึ้นค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ “คนรวยทำงานเร็ว” สำนักพิมพ์ Amarin How-to
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- จัดการความเครียด เร่งด่วน แค่ “เพิ่มพลังบวก” ให้ตัวเอง
- พูดผิดชีวิตเปลี่ยน แต่ถ้าพูดให้ถูกวิธี ชีวิตเราจะแฮปปี้ขึ้นเยอะ! 5 สิ่งที่ควรพูด เพื่อทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น
- “อยากเจอ ความรัก ดีๆ” สิ่งแรกต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน
- 4 ขั้นตอน เปลี่ยนแปลงตัวเอง ออกแบบชีวิตให้ดีขึ้นในแบบที่เราต้องการ
- รวมไอเดีย แต่งตัวคุมโทนสีเอิร์ธโทน “น้ำตาล-ส้มอิฐ-เขียว” ให้สวยดูดีและสบายตา
- รวม 15 ไอเดีย แมทช์เสื้อผ้าสีชมพู ให้ลุคไปทำงานออกมาสวยเก๋ ไม่เลี่ยนแต่ลงตัว