บทเรียนจาก โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
วันนี้ แพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข คอลัมนิสต์ประจำนิตยสารชีวจิตนำเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์สุขภาพมาเล่าให้ฟัง หนนี้คือคิวของ โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มาอ่านไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
เมื่อป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
เป็นสูตินรีแพทย์มานานกว่ายี่สิบปี ย่อมมีผู้หญิงจำนวนมากมาเล่ามาบ่นเรื่องต่างๆให้ฟังเป็นธรรมดา มีเรื่องน่าสุขใจอย่างเช่น ลูกประสบ
ความสำเร็จ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทุกข์ใจมากกว่า
ผู้หญิงคนหนึ่งอายุ52 ปี ประจำเดือนขาดไป 6 เดือน มีอาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับหงุดหงิดโมโหง่าย กินข้าวไม่ได้ เบื่อผู้คน เคยไป
พบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากได้ฮอร์โมนทดแทนมากิน อาการจึงดีขึ้น
ที่เธอมาวันนี้เพราะอยากได้ฮอร์โมน โดยนำตัวอย่างมาให้ดูด้วย เมื่อพูดคุยก็พบว่า เธอมีลูก 3 คน ลูกชายคนโตและคนที่สองจบวิศวกรรมศาสตร์ลูกสาวคนที่สามสอบติดคณะเภสัชศาสตร์ตัวเธอเองรับราชการ จากการแต่งตัวสวมเครื่องประดับ เดาว่าคงมีฐานะ ไม่น่ายากจน
เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด ฉันถามเธอว่า คุณมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า เพราะประจำเดือนขาดเนื่องจากความเครียดมากกว่าการขาดฮอร์โมน แม้ไม่สนิทกัน แต่เธอก็เล่าว่า “สิ่งที่ทำให้เครียดมากที่สุดในชีวิตเป็นเรื่องหย่าร้าง”
ฉันไม่ละลาบละล้วงอะไร บอกกลับไปว่า “นั่นเป็นความรู้สึกที่คุณบอกตนเอง แต่เท่าที่หมอมอง คุณโชคดีนักหนา ลูกสามคนทั้งน่ารักและเรียนเก่ง”
“ใช่หมอ ฐานะฉันไม่ลำบาก ลูกๆก็ดีมากต่างเข้าใจเรื่องหย่าและเข้าข้างฉันทุกคน แต่ที่รู้สึกว่าโชคร้าย เป็นเพราะต้องมาหย่ากับสามีตอนอายุ 52 ปี” คนพูดมีอาการขึ้งเคียด
“บางทีความโชคดีโชคร้ายก็อยู่ที่มุมมองนะคะหมอทำงานด้านนี้และเห็นคนโชคร้ายมามาก อยากเล่าถึงคนไข้คนหนึ่งให้ฟังว่า
“เธอเป็นผู้หญิงอายุ 41 ปี อาชีพรับราชการมาหาหมอเมื่อปีก่อนด้วยเรื่องถ่ายลำบาก ท้องผูกสลับกับท้องเดิน หมอส่งตรวจเอกซเรย์พิเศษด้วยการสวนแป้งแบเรียมทางทวารหนัก ผลพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงส่งตัวไปรักษาที่กรุงเทพฯเธอได้รับการผ่าตัด แต่เนื้อร้ายกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง ต้องให้เคมีบำบัดต่อ
“ระหว่างรักษาตัว ความลำบากในการเดินทางการรอพบหมอ การรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทำให้สามีเกิดความเครียดจนกระทั่งขอหย่า แล้วไปมีเมียคนใหม่ แต่เธอไม่ย่อท้อ รักษาตัวจนอาการดีขึ้น บอกว่าต้องมีชีวิตอยู่ เพราะลูกสาวคนเดียวกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย
“ไม่นึกไม่ฝันว่า เพียงหนึ่งปีหลังรักษา เธอมาหาหมออีกครั้งเพราะรู้สึกปวดถ่วงทวารหนักขณะถ่ายและมีเลือดออกในช่องคลอด ผลการตรวจพบว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่กลับคืนมา ลุกลามเต็มช่องคลอดหมอจึงให้กลับไปรักษาตัวที่เดิม
“เธอหายหน้าไปสองสัปดาห์ก็กลับมาใหม่ เมื่อถามว่าไปรักษาตัวหรือยัง เธอตอบว่า เรื่องของฉันเอาไว้ก่อนนะหมอ น้องสาวแท้ๆกำลังถูกจำคุกเพราะขายยาบ้า ฉันต้องวิ่งเต้นประกันตัวออกมาที่มาหาหมอก็เพราะจะขอยาไปกินประทังอาการชั่วคราว มันปวดมาก”
คนฟังรับฟังอย่างตั้งใจ ก่อนบอกฉันว่า “ได้ยินอย่างนี้แล้วทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองโชคดีกว่าคนอีกมากมายเพียงไร พ่อแม่ของฉันยังแข็งแรงเงินทองก็ไม่ขัดสน ลูกเต้าก็ดี หน้าที่การงานของฉันก็ดี ขอบคุณหมอมากที่เล่าเรื่องคนที่โชคร้ายกว่าให้ฟัง”
คนไข้กลับไปแล้วหลังจากรับยา ครั้นนึกถึงเรื่องสามีที่ขอหย่าเพราะภรรยาป่วยหนัก ฉันลองคิดกลับกันบ้าง หากสามีป่วยหนักเล่า ภรรยาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จะทอดทิ้งกันไหม “ไม่มีทางที่ภรรยาจะทอดทิ้งสามีเมื่อเขาป่วยหนัก” ใครๆก็ตอบเช่นนั้น
มะเร็งกระเพาะอาหารมาเยือนตอน 60
คุณแอ (นามสมมติ) อายุ60 ปี เป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่งงานแล้วหลายครั้ง ภรรยาคนสุดท้ายอายุอ่อนกว่าประมาณ 20 ปี เขามีลูก 3 คนชอบกินของร้อน สูบบุหรี่และดื่มเหล้าจัด
เมื่อมีอาการอืดท้อง ท้องผูก เขาคิดว่าตนเองเป็นโรคลำไส้ ภรรยาซื้อยาระบายและยาขับลมให้กินอาการก็เป็นๆหายๆ ต่อมาอาการท้องอืดเป็นมากขึ้นภรรยาจึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วตรวจหาว่ามีมะเร็ง เนื้องอก หรือแผลที่ลำไส้ใหญ่หรือไม่
ผลตรวจไม่พบความผิดปกติอะไร หมอจึงสั่งยารักษาโรคลำไส้อักเสบให้ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น
ท้องอืดมากจนรู้สึกเบื่ออาหาร ครั้นกลับไปที่โรงพยาบาลเดิมหมอก็สั่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ช่องท้องส่วนล่าง ผลแสดงว่าปกติอีก คราวนี้ได้รับยาคลายเครียดมากินร่วมกับยารักษาโรคลำไส้อักเสบ
ต่อมาคุณแอมีอาการอาเจียนเพิ่ม หมอที่โรงพยาบาลแห่งใหม่ตรวจพบว่า ที่สะดือมีก้อนสีแดงช้ำๆ สงสัยว่าเป็นก้อนของซิสเตอร์แมรี่โจเซฟ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในนิตยสาร ชีวจิตฉบับที่ 328-329 วันที่ 1 และ 16มิถุนายน พ.ศ.2555)ซึ่งบ่งบอกว่าน่าจะมีมะเร็งกระจายทั่วช่องท้อง โดยที่พบบ่อยที่สุดคือมะเร็งกระเพาะอาหาร
จากการตรวจพบว่า มีก้อนมะเร็งขนาด 5 เซนติเมตรอยู่ที่กระเพาะอาหารส่วนปลายติดกับลำไส้เล็ก ซึ่งขยายตัวจนทำให้ทางเดินอาหารตีบ
คุณแอได้รับการผ่าตัดรักษาโดยมีลูกเมียอยู่เคียงข้างไม่ห่าง แต่โชคร้ายที่โรคลุกลามทั่วช่องท้องไม่สามารถตัดมะเร็งออกหมด ได้แค่ตัดต่อกระเพาะอาหารกับลำไส้ เพื่อลดการตีบตัน
หลังผ่าตัดเขาต้องรับเคมีบำบัดสองครั้ง แต่อาการทรุดหนัก กินอาหารไม่ได้ ภรรยาจึงขอให้หยุดเคมีบำบัด แล้วพากลับมารักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ขณะที่โรคมะเร็งกำเริบขึ้นเรื่อยๆ ภรรยาและลูกคอยดูแลเขาทุกวันตลอดเวลา 4 เดือน ทั้งช่วยนำท่องคำว่าพุทโธจนกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้าย
โรคมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรคร้ายอย่างหนึ่งที่อาการไม่ชัดเจนและตรวจพบยาก เนื่องจากเป็นอวัยวะที่ใช้มือคลำไม่ได้ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านอกจากต้องส่องกล้องหรือเอกซเรย์พิเศษเท่านั้นกว่าจะรู้จึงมักอยู่ในระยะสุดท้ายหรือเกือบสุดท้ายทำให้โอกาสรอดชีวิตต่ำ โดยโอกาสรอดชีวิตเกิน 5 ปีมีแค่ร้อยละ 8.6
บทเรียนที่ได้รับจากกรณีของคุณแอคือ เมื่อระบบทางเดินอาหารเกิดความผิดปกติ อย่าคิดว่าเป็นเฉพาะที่ลำไส้ เพราะอาจมีสาเหตุมาจากกระเพาะอาหารก็ได้
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
กดจุดใบหู ช่วยลดหิว กระเพาะอาหารแข็งแรง
10 สูตรยา พอก กิน ทา รักษากระเพาะอาหาร
อาการแบบนี้ โรคกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งกระเพาะอาหารกันแน่