True Story : ชีวิตเปื้อนบาป มลทินที่ล้างไม่ออก
นวนิยายชีวิตของคนอื่นอาจมีพลั้งพลาดเพียงหนึ่งครั้ง
แล้วหลาบจำ แต่สำหรับเรื่องราวของฉันแล้ว มีแต่ความผิดพลาด
ที่นับวันจะดิ่งลงต่ำแบบที่ไม่มีใครฉุดรั้งขึ้นมาได้ จนกลายเป็น ชีวิตเปื้อนบาป
จุดเริ่มต้นของความผิดพลาดในชีวิตเริ่มจากการที่มีพ่อที่ไม่อาจจะเป็นที่รักและศรัทธาให้กับลูกได้ และแม่ที่ไม่ใส่ใจปกป้องลูกจากความไม่ถูกตามศีลธรรม
ฉันจำเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นได้ฝังใจฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงวัย 12 ปีที่เพิ่งมาอาศัยอยู่ในชุมชนคลองเตยกับพ่อและแม่หลังจากที่ยายเป็นคนเลี้ยงดูมาหลายปี คืนนั้นแม่ไปต่างจังหวัด ฉันนอนหลับสนิทอยู่ในมุ้งแต่แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรหนัก ๆ มาทับบนตัวเมื่อลืมตามองในความมืดมิดนั้น ก็เห็นภาพชายคนหนึ่งสลัวๆ คร่อมอยู่บนลำตัวพร้อมมีดจี้อยู่ที่คอของฉัน
“พ่อ” ฉันตะโกนสุดเสียงเพื่อเรียกสติชายคนนั้น แต่ดูเหมือนว่าไร้ความหมายเพราะพ่อเมามาก ฉันดิ้นสุดกำลังเพื่อหวังให้ร่างนั้นหลุดไปจากตัว แต่กลับไม่เป็นผลในวินาทีนั้นฉันรู้ถึงจุดประสงค์ร้ายของพ่อ
“ให้พ่อคนเดียว ให้คนเป็นร้อยดีกว่า” เมื่อคิดในใจอย่างนี้ ฉันจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดถีบตัวพ่อให้กระเด็นออกไป แล้วรีบวิ่งหนีมาอย่างไม่คิดชีวิต ฉันหลบไปพักบ้านเพื่อนอยู่สองวัน รอจนแม่กลับมา แล้วรีบกลับมาฟ้องแม่
“เอาเรื่องอะไรมาพูด พ่อมึงเขาแค่ลองใจ” แม่ตะคอกใส่หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องราวในคืนนั้นให้ฟัง
“แต่ถ้าให้ พ่อก็เอาใช่ไหมล่ะ” ฉันสวนออกไปทั้งน้ำตา ทั้งโกรธทั้งน้อยใจแม่ที่เลือกปกป้องพ่อ นาทีนั้นฉันตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้วว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่กลับไปที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว
หนีเสือปะจระเข้
คืนนั้นฉันหนีไปอยู่บ้านเพื่อนที่ชื่อ“ยม” แม่ของยมต้อนรับขับสู้ฉันอย่างดีอยู่บ้านยมได้หนึ่งอาทิตย์ แม่ของยมก็ชวนฉันไปทำงานที่ภาคใต้ ฉันตกปากรับคำทันที ไหนๆ ก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกแล้ว มีงานทำมีเงินใช้ คงดีกว่าอยู่ไปวันๆ อย่างแน่นอน
เช้าวันหนึ่งแม่ของยมก็พาฉัน ยม และเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับฉันอีกหนึ่งคนที่ชื่อ “แตน” ขึ้นรถไฟไปภาคใต้ เพื่อไปส่งที่ “บ้านหลังสีฟ้า” ซึ่งฉันจำจนวันตาย…เพราะฉันโดนหลอกมา “ขายตัว”
เมื่อได้รู้ความจริง ฉันร้องไห้โวยวายจะกลับบ้าน จึงโดนแมงดาคุมซ่องตีและจับไปขังให้สำนึก แต่สุดท้ายฉันก็ต้องยอมขายตัว แต่ในใจยังหวังอยู่เสมอว่าจะได้กลับบ้าน จึงแอบเขียนจดหมายฝากผู้ชายที่มานอนด้วยส่งให้ทางบ้านมาช่วย
ในที่สุดความหวังของฉันก็เป็นจริงหลังจากนั้นหนึ่งเดือน พ่อของฉันก็พาทหารมาทลายซ่องที่ฉันอยู่ ฉันจึงได้กลับบ้านกับพ่ออย่างมีความหวังในชีวิต
แต่ใครจะรู้ว่าเคราะห์กรรมของคนเราจะมีไม่หมดสิ้น…
แม้จะยอมกลับมาอยู่ที่บ้าน แต่ในใจยังหวนนึกถึงคืนนั้นเสมอ ฉันยังคงหวาดระแวงพ่อของตัวเองจนไม่กล้าเข้าใกล้ แต่แล้วกลางดึกคืนหนึ่งฉันก็ต้องตื่นอย่างงัวเงีย เพราะรู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรหนัก ๆ ทับที่ลำตัว พอได้สติก็รู้ตัวว่ากางเกงถูกดึงลงมาถึงเข่า และมีใครบางคนคร่อมบนตัว
แม้มองไม่เห็นหน้า แต่ฉันก็รู้ทันทีว่าชายคนนั้นคือพ่อ!
ฉันรีบหนีออกมาจากบ้านทันที อย่างไรเสียชาตินี้ก็ไม่กลับไปอีกแล้ว ครั้งนี้ฉันหนีไปอยู่กับแตน เพื่อนที่หนีออกมาจากซ่องด้วยกัน ฉันคิดไว้ว่าไหนๆ ก็ดีไม่ได้แล้วปล่อยชีวิตไปทางเลวเสียเลยดีกว่า ฉันกับแตนเริ่มพากันเข้าสู่วังวนของยาเสพติด ดมแลคฯ กันจนติดงอมแงม พอไม่มีเงินก็ไปปล้นจี้ เพื่อเอาของที่ได้มาไปขาย แล้วเอาเงินมาซื้อแลคฯ ดมกันต่อ
แม้ช่วงหนึ่งน้าสาวแท้ๆ จะพาฉันไปเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ห่างจากยาเสพติดได้ถึง 4 ปี แต่สุดท้ายฉันก็หนีมาใช้ชีวิตแบบเดิมในชุมชนอีก จนวันหนึ่งฉันก็ได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาช่วยไม่ให้ฉันโดนรุมโทรมจากกลุ่มวัยรุ่นติดยา ในที่สุดเราก็อยู่กินกันและใช้ชีวิตสำมะเลเทเมากันทั้งคู่ ฉันติดแลคฯ เขาติดกัญชา หลังจากท้องลูกชายคนแรกได้ไม่นานนัก สามีก็โดนจับเพราะที่ผ่านมาเขาเป็น “ขโมย”
ติดตามอ่านเรื่องราวชีวิตของนกต่อได้ในหน้าถัดไป >>>