คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ กับมะเร็งตับอ่อน โรคร้ายที่รู้เมื่อสาย
คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ดีไซเนอร์ Chanel เสียชีวิตในวัย 85 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สืบเนื่องจากปัญหาทางสุขภาพ ที่เจ้าตัวเผชิญมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์
ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวลือหนาหูว่า ดีไซเนอร์ชื่อก้องโลก ลาเกอร์เฟลด์ เจ้าของตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์ Chanel, Fendi และแบรนด์ Karl Lagerfeld กำลังล้มป่วย โดยเขาพลาดงานอีเวนต์หลายงาน รวมทั้งงานแฟชั่นสปริง/ซัมเมอร์ โชว์ ของแบรนด์ชาเนลเมื่อเดือนก่อน จนในที่สุดก็มีการเปิดเผยว่า เขาเสียชีวิตในช่วงเช้าวันอังคารหลังจากเข้าโรงพยาบาลในคืนก่อนหน้านั้น
นอกจากอายุที่มากขึ้นจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตแล้ว อีกหนึ่งแหล่งข่าวคนสนิทของดีไซเนอร์ดัง ได้เผยว่า อาจเพราะมะเร็งตับอ่อนที่คืบคลานเข้ามา โดยปู่คาร์ลมักเข้าฟิตเนสและใช้ชีวิตแบบคนรักสุขภาพ แต่แล้วมะเร็งตับอ่อนก็มาเยือนอย่างน่าสงสัย แต่ทั้งนี้ เขาก็ไม่ยอมแพ้กับโรคร้าย และเลือกต่อสู้กับมะเร็งอย่างกล้าหาญ
ก่อนนี้ ราล์ฟ สไตน์มัน นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล สาขาสรีรศาสตร์หรือการแพทย์ ประจำปี 2011 และ สตีฟ จ็อบส์ ต่างก็ลาโลกด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน (Pancreatic Cancer)
สำนักข่าว mgronline.com รายงายว่า ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนประมาณ 53% จะได้รับการวินิจฉัยว่า ตัวเองเป็นโรคนี้ก็เมื่อมะเร็งได้ลามไปมากแล้ว ในจำนวนนี้อัตรารอดชีวิตต่ำมาก ซึ่งมีเพียง 1.8% ของผู้ป่วยที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปนานกว่า 5 ปีหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งชนิดนี้แล้ว และมีอัตราผู้รอดชีวิตนาน 5 ปีหลังได้รับการวินิจฉัย เพียง 3.3% เท่านั้น
ส่วนสาเหตุของการเกิดมะเร็งตับอ่อนก่อน นายแพทย์ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อํานวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ ข้อมูลว่า มะเร็งตับอ่อน มีตัวกระตุ้นที่สําคัญคือ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านความอ้วน ไขมันมากเกิน รวมไปถึงการป่วยเป็นโรคเบาหวานบางชนิด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงสูงในการก่อให้เกิดมะเร็งตับอ่อนเช่นกัน
สำหรับผลงานสร้างชื่อของ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ จนทำให้เขากลายเป็นไอคอนแห่งวงการแฟชั่นคือ ภาพสเก๊ตเสื้อโค้ทในปี 1954 ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัลอันดับ 1 จากการประกวดโดย Secrétariat International de la Laine นอกจากนี้ เขายังเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์อันดับหนึ่งในสายลดน้ำหนักอีกด้วย
โดยในปี ค.ศ. 2000 เขาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง เปลี่ยนลุคจากชายอวบ อ้วนเทอะทะ มาลดน้ำหนักอย่างจริงจัง จนสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 42 กิโลกรัม จากความสำเร็จนี้ เขาส่งต่อเคล็ดลับ ด้วยการพิมพ์หนังสือชื่อ The 3D Diet ที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับประสบการณ์การลดน้ำหนักแบบส่วนตัว ซึ่งถูกวางจัดจำหน่ายไปทั่วโลก
ขอบคุณภาพจาก https://www.karl.com
บทความอื่นที่น่าสนใจ
จับตาฝุ่นละอองวันนี้ PM 2.5 ตัวการมะเร็งร้ายและโรคเรื้อรังมากมาย
3 สเต็ป เพื่อคน อ้วน ให้มีลูกง่าย ไกลเบาหวาน มะเร็ง