ผู้มีศีล จะพ้นจากภยันตรายทั้งปวง เพราะเทวดารักษา
ครั้งพระบรมศาสดาผู้ตรัสความจริงแห่งโลก ประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ในที่ประชุมพุทธบริษัททั้งหลาย มีอุบาสก ผู้มีศีล คนหนึ่งจะข้ามแม่น้ำอิรวดีเพื่อมาฟังธรรมที่พระเชตวันวิหาร แต่คนเรือกลับพายออกมาเสียเพื่อให้มาทันเวลาฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า อุบาสกผู้นั้นกลับระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์จนเกิดปีติขึ้น แล้วเขาตัดสินใจคิดเดินลุกน้ำไปอีกฝั่งของแม่น้ำ ปรากฏว่าฝ่าเท้าของเขากลับไม่เปียกน้ำเลย เขาสามารถเดินบนผิวน้ำได้เหมือนเดินอยู่บนพื้นดิน
อุบาสกเดินข้ามแม่น้ำอิรวดีมาจนถึงอีกฝั่งได้สำเร็จ แล้วเข้าไปในพระเชตวันวิหาร เขาได้แสดงความเคารพต่อพระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าทรงเห็นอุบาสกผู้มาที่หลังจึงตรัสขึ้นว่า “อุบาสก ท่านเดินทางมาเหนื่อยหรือไม่”
อุบาสกจึงทูลเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนถวายพระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าตรัสขึ้นว่า “ไม่ได้มีเพียงแต่อุบาสกเท่านั้นที่กระทำเช่นนั้นแล้วสามารถข้ามแม่น้ำมาได้ ในอดีตกาลนานมามีคนทำเช่นเดียวกับอุบาสกตอนที่เรืออับปางกลางมหาสมุทร”
อุบาสกกล่าวขึ้นว่า “ขอพระองค์ตรัสเรื่องนี้เถิดพระเจ้าข้า เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชนทั้งหลาย” พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัเรื่องของชาย 2 คนที่สามารถข้ามมหาสมุทรได้อย่างปาฏิหาริย์เพราะอำนาจแห่งศีลและบุญกุศล
ครั้งสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า มีชายคนหนึ่งเป็นผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยได้ลงเรือลำเดียวกับช่างตัดผมคนหนึ่ง ซึ่งภรรยาของเขาฝากฝังสามีไว้กับชายผู้นี้ แต่ขณะที่เรือเดินทางมาได้ 7 วัน ปรากฏว่าทะเลเกิดปั่นป่วนทำให้เรืออับปาง ทั้งสองต่างเกาะแผ่นไม้ลอยมาติดเกาะแห่งหนึ่ง
ด้วยความหิวทำให้ช่างตัดผมฆ่านกตัวหนึ่งแล้วกินเป็นอาหาร ชายผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยกลับไม่ทำ ทั้งยังบอกว่าในช่วงเวลานี้ต้องระลึกถึงคุณแห่งพระรัตนตรัยให้เป็นที่พึ่งเท่านั้น ขณะที่ชายผู้นั้นกำลังระลึกถึงคุณแห่งพระรัตนตรัย พญานาคตนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนเกาะนั้นได้ออกมาจากวิมานแล้วเนรมิตร่างเป็นเรือทองคำที่ประดับประดาด้วยอัญมณีเพชรนิลจินดาอย่างสวยงาม
เทวดาพิทักษ์มหาสมุทรสัมผัสได้ถึงผู้ที่ระลึกถึงคุณแห่งพระรัตนตรัย จึงรับอาสาเป็นนายท้ายเรือ ทำหน้าที่คุมเรือทองคำนี้ไปส่งชายผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยจนถึงฝั่ง เทวดาเชื้อเชิญชายผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยให้ขึ้นเรือวิเศษลำนี้ พอช่างตัดผมกำลังจะขึ้นเรือ เทวดากลับห้ามไม่ให้เขาขึ้นเรือไปด้วย
ชายผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยได้ตอบเทวดาว่าทำไมถึงห้ามชายผู้นั้น เทวดาตอบว่า เรือลำนี้รับเฉพาะผู้ที่มีศีลเท่านั้น ช่างตัดผมละเมิดศีลจึงไม่สามารถขึ้นเรือวิเศษลำนี้ได้ ชายผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยได้บอกเทวดาว่า “เราขอแบ่งปันบุญกุศลจากการรักษาศีให้แก่เขา” ช่างตัดผมได้เปล่งอนุโมทนา เทวดาจึงกล่าวว่า “เราจักพาท่านทั้งสองไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
เทวดาพิทักษ์มหาสมุทรอุ้มชายทั้งสองมาจนถึงฝั่งกรุงพาราณสี และบันดาลทรัพย์สินขึ้นมากมายภายในเรือนของชายทั้งสอง และเทวดาได้กล่าวขึ้นว่า “ผู้ที่อยู่ใกล้สัตบุรุษ (คนดี) ย่อมได้รับความสวัสดี เหมือนช่างตัดผมที่ปลอดภัยมาได้ เพราะท่านผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัย”
ที่มา : สีลานิสังสชาดก
ภาพ : https://pixabay.com
บทความน่าสนใจ
พระพุทธเจ้าตรัส อานิสงส์แห่งการรักษาศีล ไว้อย่างไรบ้าง
อานิสงส์ของศีล โดย ดร.สนอง วรอุไร
สมาทานศีลที่ใจใช่วาจา และทำบุญให้ได้บุญ
ปัญหาธรรมประจำวันนี้: โกหก เพราะหน้าที่ การงาน ผิดศีลหรือไม่
ถือศีลแล้วรวยจริงหรือ ? คำสอนเรื่องศีลของพระพุทธเจ้าที่ไม่ควรมองข้าม