น้ำทะเลบำบัด เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่
วัันนี้จะพูดถึงเรื่องของ “น้ำทะเลบำบัด” จากเรื่องราวที่ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดแรกเกิดจากการทำปฏิกิริยากันของสารเคมีในท้องทะเล นี่หรือเปล่าที่เป็นคำตอบว่า ไม่ว่าจะเป็นตอนที่รู้สึกสุขใจลั้นลา หรือเครียดเพราะโหมงานหนักจนร่างพัง เรามักร่ำร้องหาทะเล จึงพอจะพิสูจน์ได้ว่าทะเลมีพลังแห่งการบำบัด ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันค่ะ
พลังบำบัดจากน้ำทะเล
บิดาแห่งการแพทย์อย่างฮิปโปเครติส(Hippocrates) เป็นผู้บัญญัติคำว่า “Thalassotherpy” ที่แปลว่า การบำบัดด้วยน้ำทะเลขึ้น เพราะชาวกรีกโบราณนิยมไปแช่น้ำทะเลเพื่อให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แม้ในปัจจุบันก็ยังคงมีงานวิจัยระบุว่า น้ำทะเลมีพลังธรรมชาติบำบัดที่เห็นผลจริง
ดูแลผิวพรรณ
แพทย์หญิงสาริษฐา สมทรัพย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแอนไทเอจจิ้ง บอกไว้ว่า ในน้ำทะเลไม่ได้มีแค่เกลือหรือโซเดียมคลอไรด์แต่มีแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น แมกนีเซียม แคลเซียม ซิลิคอน ซึ่งช่วยในการบำบัดเยียวยาผิวหนังได้ การลงไปแช่หรือที่เรียกว่าการโชกกิ้งในน้ำทะเลนั้นมีมาแต่โบราณ เพราะในน้ำทะเลที่มีความเข้มข้นสูงจะมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค (Antiseptics) และสยบอาการแพ้ (Antiallergic) แต่ก็ต้องเป็นน้ำทะเลที่สะอาด ไม่มีโลหะหนัก
แร่ธาตุในน้ำทะเลช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ผื่นแดง เกลือในน้ำทะเลยังสามารถลดการเกิดสิวและรอยแผลเป็นบางชนิดได้เพราะโซเดียมคลอไรด์ที่อยู่ในเกลือคือน้ำยาล้างแผลจากธรรมชาติที่ดี แมกนีเซียมในน้ำทะเลยังช่วยให้ความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวของเราได้ด้วย เกลือในน้ำทะเลดีต่อสุขภาพผม เพราะช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินในเส้นผม ลดการเกิดรังแคบริเวณหนังศีรษะได้ดี ถ้าคุณเป็นคนที่หนังศีรษะมันจึงควรหาโอกาสไปเล่นน้ำทะเลบ้าง
รักษาโรคประจำตัว
การว่ายน้ำในทะเลจะช่วยกระตุ้นกระบวนการรักษาตัวเองของร่างกายซึ่งทำให้สามารถลดอาหารของโรคประจำตัวได้หลายชนิด เช่น โรคหอบหืด โรคไขข้ออักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ โรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ การปวดเมื่อยต่างๆ เพราะในน้ำทะเลอุดมด้วยแมกนีเซียมที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลด ความเครียด กระตุ้นการนอนหลับ และช่วยลดความตึงเครียดของเส้นประสาท
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
เพียงแค่เราได้กลิ่นอายทะเลที่เต็มไปด้วยไอออนประจุลบก็ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราทำงานได้ดีขึ้น และในขณะที่เราว่ายน้ำในทะเล รูขุมขนบนผิวจะขยายเพื่อดูดซึมแร่ธาตุและขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายไปพร้อมกันด้วย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้การว่ายน้ำหรืออาบน้ำในทะเลอุ่นๆ จะช่วยฟื้นฟูสมดุลแร่ธาตุในร่างกายที่โดนทำลายจากความเครียด ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรง
พลังบำบัดจากผืนทราย แสงแดด สายลม เกลียวคลื่น
สิ่งแวดล้อมทางทะเลก็มีดีไม่แพ้น้ำทะเล แต่จะช่วยบำบัดในด้านใดบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ
ลดความเครียด
เวลาอกหักหลายคนเลือกไปทะเล นั่นก็เพราะเวลาที่ได้นั่งมองทะเลและได้รับแสงแดด ร่างกายจะหลั่งสารเซโรโทนินออกมาโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเครียด และนอนหลับสบาย ดังนั้น ทุกครั้งที่เราได้ฟังเสียงคลื่นซัดฝั่งก็จะรู้สึกสงบและผ่อนคลายไปเองโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้มีงานวิจัยระบุว่า การฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งยังมีส่วนช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับจากความเครียด ความวิตกกังวล และความเหนื่อยล้าได้ด้วย
อัพพลังวิตามินดี
การได้นั่งซึมซับบรรยากาศริมทะเล ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแสงแดดอ่อนๆ วิตามินดีมีความสำคัญในการช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่มีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ และหลอดเลือด แถมยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย
ขับของเสีย เติมพลังธรรมชาติ
ถ้าคุณกำลังรู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจ แนะนำให้ลองเดินเท้าเปล่าบนหาดทรายดู การที่ฝ่าเท้าได้สัมผัสกับเม็ดทรายทำให้ร่างกายได้ชาร์จพลังจากธรรมชาติ เพราะในทรายมีกระแสไฟฟ้าประจุบวกและประจุลบอ่อนๆ ที่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายและป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้เราเจ็บป่วยยากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่า การเดินเท้าเปล่าบนพื้นทรายช่วยลดความเครียดและบรรเทาความเจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้
ช่วยให้ออกกำลังกายได้อย่างมีคุณภาพ
การออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศริมทะเล จะทำให้คุณปลดปล่อยพลังงานในตัวได้ดี เพราะนอกจากจะทำกิจกรรมได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง เล่นโยคะ หรือว่ายน้ำแล้ว การออกกำลังกายริมทะเลยังทำให้มีพลังงานในร่างกายเพิ่มขึ้น จึงมีพลังเหลือเฟือไว้สร้างกล้ามเนื้อได้นานกว่าการออกกำลังกายในห้องที่ปิดหรือในฟิตเนส
อาหารทะเลแสนอร่อยอุดมประโยชน์
อาหารทะเลเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม แถมยังอัดแน่นไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด เช่น วิตามินดี วิตามินบี 1 บี 3 บี 12 และไบโอติน
บำรุงหัวใจ
อาหารทะเลมีไขมันอิ่มตัวต่ำ มีโปรตีนสูง รวมไปถึงกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อหัวใจโดยตรง เช่น ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด แม้ว่าปัจจุบันมีหลายคนเลือกที่จะรับประทานกรดไขมันโอเมก้า-3 แบบแคปซูลเพราะสะดวกกว่า แต่นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่า การได้รับกรดไขมันดังกล่าวจากอาหารทะเลโดยตรงจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
บำรุงข้อต่อ
มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำสามารถบรรเทาอาการข้ออักเสบได้ เพราะกรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถเพิ่มความยืดหยุ่นให้ข้อต่อขา และลดความตึงของข้อต่อที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์ในตอนเช้า
บำรุงสายตา
กรดไขมันโอเมก้า-3 ในอาหารทะเลจะช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวกับการมองเห็น สารอาหารในปลาและหอยช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืน และยังช่วยให้ดวงตาสดใสมีสุขภาพดีอีกด้วย
รู้แบบนี้แล้วก็เตรียมตัวไปทะเลกันดีกว่า ลั้นลาไปให้สุดๆ ไปเลย ดีกว่าค่ะ
ที่มา: นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 467
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า เป็นทาสน้องหมา น้องแมว บำบัดความเครียด ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
เครียดลงกระเพาะ โรคฮิตของคนออฟฟิศ
7 กิจกรรมฝึกสติ ลดเครียด เพิ่มความสงบ