ลุงแอ๊ด บัณฑิตหน้าใหม่ หัวใจเปิ๊ดสะก๊าด

ลุงแอ๊ด บัณฑิตหน้าใหม่ หัวใจเปิ๊ดสะก๊าด

เมื่อได้ยินสุภาษิตที่ว่า No one is too old to learn หรือ ไม่มีใครแก่เกินเรียน เหล่าคนที่เริ่มชอบของขม ชมเด็กสวย ช่วยศาสนา บ้าของเก่า เล่าความหลังหลายคนต่างพากันยกมือบอกว่าไม่จริง!… ฉันคนนี้แหละ คือคนที่แก่เกินจะเรียนไหว

แต่สำหรับชายวัยเกษียณที่ผ่านประสบการณ์การทำงานอย่างโชกโชนมากว่า 60 ปี กลับยกมือยืนยันในสุภาษิตข้อนี้ว่าเป็นเรื่องจริง โดยเขาเลือกที่จะสมัครเข้าเรียนปริญญาตรี หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และลงทะเบียนเรียนด้วยชื่อ นายอมร ถาวรมาศ หรือที่เพื่อนๆในโลกออนไลน์เรียกกันว่า ‘ลุงแอ๊ด’

“ชีวิตของลุงไม่มีคำว่าเกษียณ ถึงแม้ตอนนี้ลุงอายุ 67 แล้ว แต่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแก่หรือไม่มีแรง อาจจะด้วยนิสัยของลุงที่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอดชีวิตและชอบแสวงหาสิ่งใหม่ๆ หัวใจเลยไม่ยอมแก่สักที”

“พอดีมีน้องที่รู้จักกันเขาไปลงเรียนปริญญาตรีภาคพิเศษ วันเสาร์-อาทิตย์ เพราะสามีเขาได้เลื่อนยศเป็นผู้อำนวยการกองฯ เขาจำเป็นต้องเป็นคุณนายที่จบอย่างน้อยปริญญาตรี ลุงแอ็ดเห็นเขาเรียน ก็เลยสนใจจะเรียนบ้าง”

“ลุงต้องอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้อีกหลายปี แถมยังต้องเลี้ยงหลาน เราจะให้หลานมาสอนเราไม่ได้ เราต้องสอนเขาให้อยู่ได้อย่างรู้เท่าทันโลก ยิ่งเด็กรุ่นใหม่ๆ Gen X -Y- Z เราจะเอาความรู้เก่าๆประสบการณ์เก่าๆไปสอนเขาไม่ได้ เขาไม่ฟัง… เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากรู้อะไรใหม่ๆ เราต้องเอาตัวลงไป ‘คลุก’ ด้วยตัวเอง” จากอดีตเอ็มดีสู่นักบรรยายเรื่องการขายมือฉมัง จึงกลายมาเป็นตัวตลกให้เหล่าวัยรุ่นในมหาวิทยาลัยได้ขันในความเปิ่นของลุงแอ๊ด

“แรกๆ ลุงเหมือนตัวตลก เริ่มตั้งแต่ตอนไปซื้อใบสมัครเข้าเรียน….คนมองเราเหมือนอยากถามว่า ‘ตาแก่ผมหงอกนี่มาทำอะไร’

“พอเจ้าหน้าที่ถามว่าจบที่ไหนมา เราตอบว่า ‘โรงเรียนพณิชยการพระนคร’ วุฒิประนียบัตรการศึกษาชั้นสูง เขาบอกว่าไม่เคยได้ยิน จนอาจารย์ที่อาวุโสท่านหนึ่งมาช่วยอธิบายให้เราฟังว่า ตอนนี้วุฒิของเราเรียกว่า ปวช. และโรงเรียนนี้เขาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพณิชยการพระนคร’แล้ว…เรียกว่า กว่าจะเข้าใจกันได้ ทำเอาเกือบไม่ได้เรียน”

เมื่อถึงวันปฐมนิเทศ ลุงแอ๊ดต้องคีย์ข้อมูลส่วนตัวเอง เขาจึงคีย์ปีเกิดไปว่า “พ.ศ. 2488” ปรากฏว่าคอมพิวเตอร์ไม่ยอมรับ เพราะกำหนดไว้ถึงปีพ.ศ. 2500 เท่านั้น เมื่ออาจารย์ฝ่าย IT ออกมาเตือนว่าข้อมูลส่วนนี้ห้ามผิด ลุงแอ๊ดจึงจัดการยกมือชี้แจงกลางที่ประชุม ท่ามกลางสายตานับร้อย หลังจากวันนั้น “ลุงแอ็ด” จึงกลายเป็นคนดังแห่งราชภัฏฯ ด้วยประการฉะนี้

“ลุงทำงานมา 40 กว่าปี ตั้งแต่เป็นลูกน้องถึงเอ็มดี ไม่เคยตื่นเต้นเท่าตอนเข้าไปเรียนครั้งแรกเลย…เพื่อนร่วมห้องส่วนมากด็เป็นรุ่นน้อง รุ่นลูกของลุง บางคนอายุน้อยกว่าลูกสาวคนเล็กของลุงเสียอีก ลุงอายุมากที่สุด นอกนั้นก็อายุประมาณ 40 ไล่ลงไปจนถึง 20 กว่าๆ” ลุงแอ๊ดตระหนักดีว่า ตนไม่ได้เป็นคนเก่ง อีกทั้งความจำเริ่มไม่ดีเท่าสมัยหนุ่มๆ จึงจัดการปรับวิธีเรียนด้วยการเพิ่มความขยัน หันมาเอาใจใส่และอาศัยแรงฮึดทำให้การเรียนดีขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่ ตื่นตีสี่เพื่อทบทวนเนื้อหาที่เรียนในแต่ละวัน นั่งทำการบ้านที่อาจารย์สั่ง ทำสรุปทุกวิชาที่เรียน และซักแหลก!

“ถ้าลุงไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนปุ๊บ ลุงจะยกมือถามตลอด โดยเฉพาะเวลามีศัพท์ใหม่แปลกหูที่เราไม่เคยได้ยิน เช่น KPI, External ตอนแรกๆ ถามบ่อยมาก จนทั้งอาจารย์และเพื่อนๆ คงหมั่นไส้”

“แต่โชคดีที่ลุงเป็นคนที่เข้ากับใครง่ายอยู่แล้ว แค่ทำตัวตามสบายเป็นกันเอง เฮไหนเฮนั่น และถ้าอยากให้เคารพ เราก็ต้องทำตัวให้น่าเคารพ เขาก็จะเคารพเราเอง”

เมื่อถึงเวลาเรียน ลุงแอ๊ดจะมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ที่ภายในบรรจุอุปกรณ์การเรียนไว้พร้อมสรรพ ตั้งแต่กระดาษรียูส ดินสอแหลม กบเหลา ยางลบ ปากกา ที่เย็บกระดาษ เครื่องคิดเลข ปากกาเน้นข้อความ ปากกาสี ไปจนถึงของเล็กๆอย่างคลิบหนีบกระดาษ เมื่อถึงเวลาเรียน ลุงแอ๊ดจะจัดการนำทุกอย่างที่เตรียมมาตั้งลงบนโต๊ะ เพื่อให้หยิบใช้ได้สะดวก แรกเริ่มเดิมที ทุกคนต่างหัวเราะขบขำกับความพร้อมของลุงแอ๊ด แต่หนึ่งเทอมผ่านไปกลับกลายเป็นว่า ‘ถ้าใครขาดอะไร ให้มาเอาที่ลุงแอ๊ด’

“ตอนแรกๆ ก็เหนื่อยเหมือนกัน เพราะ เรามีเวลาเรียนแค่เสาร์-อาทิตย์ แต่ต้องเรียนให้ครบตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัย อาจารย์ก็เลยต้องเร่งสอนเพื่อให้ทันเวลา ช่วงแรก ลุงต้องไปกวดวิชาเลขอังกฤษ เศรษฐศาสตร์ และต้องจ้างนักศึกษาที่ติวตามมหาวิทยาลัยมาสอนที่บ้าน เพราะเข้าไปเรียนแล้วเรียนไม่รู้เรื่อง

“แต่ตอนหลัง ลุงแอ๊ดใช้วิธีเอาปากกาสีต่างๆ มาเขียนเป็น Mind Map ไม่ก็วาดรูปไว้เตือนความจำหรือใช้

ปากกาไฮไลท์มาขีดขนข้อความเพื่อให้เด่นสะดุดตา แทน อันไหนจำไม่ได้ ก็เขียนซ้ำๆ ไปมาจนกว่าจะจำได้” เมื่อลุงแอ๊ดเข้าใจเนื้อหาที่เรียนแล้ว ก็จัดการประมวลความรู้จากที่เรียนมา สรุปลงบนกระดาษ แล้วแสกนส่งไปยังอีเมลของเพื่อนผองร่วมชั้น ในช่วงใกล้สอบก็ช่วยติวเนื้อหาให้ทุกคนในห้องได้เข้าใจเหมือนกับตัวเอง

ด้วยความพยายามบากบั่นในการเรียน (และสอนผู้อื่น) นี้เองทำให้ลุงแอ๊ดจบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.6 เป็นบัณฑิตปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างเต็มภาคภูมิ และเป็นที่น่ายินดีว่า ลุงแอ๊ดเพิ่งได้รับอนุมัติจาก ‘ป้าอี๊ด’ ภรรยาสุดที่รักและลูกๆ ให้เรียนเพื่อเป็น “มหาบัณฑิต” ต่อได้อีก

เรียกได้ว่า สำหรับลุงแอ๊ด…การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุดจริงๆ!

 

He who asks is a fool for five minutes, but he who does not ask remains a fool forever.

คนถามอาจดูโง่เพียง 5 นาที แต่คนที่ไม่ถามสักทีอาจโง่ไปชั่วชีวิต

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.